กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมวิดีโอเอเชีย (AVIA) และ ทรู วิชั่น กรุ๊ป จัดการประชุมเรื่องการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดิจิทัลคอนเทนต์ขึ้นที่กระทรวงพาณิชย์ จังหวัดนนทบุรี การประชุมดังกล่าวโดยมีผู้ร่วมประชุมจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 100 คน
การละเมิดลิขสิทธิ์ทางสื่อดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้กล่องรับสัญญาณโทรทัศน์โดยผิดกฎหมาย (ISD) ได้สร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจไทยและต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คอนเทนต์อย่างถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยหรือบริษัทสตาร์ทอัพที่ไม่สามารถเริ่มดำเนินธุรกิจหรือขยายโอกาสทางธุรกิจได้เพราะประสบปัญหาจากการละเมิดลิขสิทธิ์ การประชุมในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์มาร่วมหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การละเมิดฯในปัจจุบันและแนวทางการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย รวมถึงอภิปรายกลยุทธ์ในการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
คุณทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลงาน เพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ ประกอบกับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2561 ตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยมีมูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจึงให้ความสำคัญทั้งในด้านการส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวกับดิจิทัลคอนเทนต์ และการปกป้องสิทธิของประกอบธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ ในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) ให้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยที่ผ่านมามีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในเรื่องการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนองตอบนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
นายจุลทัย ศาลิคุปต ผู้อำนวยการฝ่ายรายการกีฬา บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ทรูวิชั่นส์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องลิขสิทธิ์มาโดยตลอด และได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ด้านใดก็ตาม ทั้งด้านภาพยนตร์ เพลง สาระบันเทิง โดยเฉพาะลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมีอยู่มากมาย ตั้งแต่ฟุตบอลโลก รวมถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่กำลังมีการถ่ายทอดสดกันอยู่ ซึ่งรูปแบบการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นจะแตกต่างจากในอดีตที่ละเมิดผ่านเคเบิ้ลมาเป็นช่องทางอินเทอร์เน็ต และโมบายแอพพลิเคชั่นทำให้การตรวจจับทำได้ยากยิ่งขึ้น หากประเทศไทยยังคงละเมิดลิขสิทธิ์กันอยู่แบบนี้ ก็จะส่งผลกระทบให้เจ้าของลิขสิทธิ์ระดับโลกฟ้องร้องยุติการส่งสัญญาณการแข่งขันมายังประเทศไทย ทำให้แฟนบอลชาวไทยไม่สามารถติดตามรับชมการแข่งขันได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงคอนเทนต์คุณภาพอื่นๆ จากต่างประเทศอีกด้วย หากคนไทยเข้าใจและเคารพต่อกฎหมายลิขสิทธิ์กันมากขึ้น นอกจากช่วยจะป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของต่างประเทศแล้วยังสามารถช่วยปกป้องลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของไทยได้อีกด้วย พร้อมทั้งยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ของไทยทุกแขนงให้เติบโตเทียบเท่ามาตรฐานสากลได้ต่อไป”
การประชุมเรื่องการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์มีการหารือเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางดิจิทัลและความเสี่ยงของผู้บริโภค ประสิทธิภาพของมาตรการการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ การใช้เทคโนโลยีในการป้องกัน การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา และการทำงานร่วมกันกับตัวกลางเพื่อป้องกันการรับเงินจากรายได้ที่ผิดกฎหมาย
“หลายประเทศพยายามหามาตรการมารับมือกับการขโมยคอนเทนต์ ซึ่งมาตรการมีอยู่หลายวิธีและต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นโอกาสทองของประเทศไทยที่จะได้ปรับใช้มาตรการที่ประสบผลสำเร็จในต่างประเทศให้เหมาะสมกับประเทศไทย เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว” กล่าวโดย คุณหลุยส์ บอสเวล ประธานกรรมการของสมาคมอุตสาหกรรมวีดีโอเอเชีย (AVIA) ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพการสัมมนา
คุณ นีล เกน ผู้จัดการทั่วไทยของพันธมิตรต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ (CAP) ซึ่งเป็นหน่วยงานของ AVIA กล่าวว่า “ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขโมยคอนเทนต์ได้สร้างความเสียหายในทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกด้าน ที่ผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแลของภาครัฐอาจมองข้ามคือการละเมิดลิขสิทธิ์ทางดิจิทัลนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อผู้บริโภค ความอยากได้ของฟรีหรือจ่ายค่าสมาชิกราคาถูกเพื่อดูคอนเทนต์ละเมิดลิขสิทธิ์มักทำให้ผู้บริโภคไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงที่แท้จริงจากการติดมัลแวร์”