นรม.พร้อมคณะรัฐมนตรี หารือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ขับเคลื่อน Soft Power ตามนโยบายรัฐบาล สร้างรายได้ในพื้นที่อย่างยั่งยืน

วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดน ณ จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ นายกฯ ย้ำต้องเข้มงวดเรื่องยาเสพติดเป็นพิเศษ การตรวจค้น เอ็กซเรย์ต้องเข้มข้น

จากนั้นคณะเดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการาม (หลวงพ่ออุตตมะ) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี นายกรัฐมนตรีและคณะ กราบสักการะสังขารหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี และนมัสการพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.9. เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม และเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเจ้าอาวาสได้ฝากนายกฯ ให้ช่วยสนับสนุนพระพุทธศาสนาให้กับเยาวชนและชุมชน โดยเฉพาะการให้ความรู้กับเด็กในช่วงเวลาว่าง โดยนายกฯ รับทราบและพร้อมที่จะนำไปขยายผลปฏิบัติต่อไป

ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยว อ. สังขละบุรีช่วง hight season ที่พักไม่เพียงพอในการรองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ จะมีการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว เช่น การนั่งเรือชมวัดใต้น้ำ การเยี่ยมชมหมู่บ้านมอญ ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ภารกิจสุดท้ายของวันนี้ นายกฯ และคณะ เดินทางต่อไปที่สะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) เพื่อหารือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อเดินทางมาถึงได้กล่าวทักทายประชาชน และร่วมประแป้งทานาคา หนึ่งในเสน่ห์ของการมาสะพานมอญ พร้อมชิมกาแฟโบราณกับขนมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ และร่วมรับชมการแสดงระบำกะเหรี่ยง จากนั้น นายกฯ และคณะได้เดินชมทัศนียภาพและความสวยงามที่บริเวณสะพานมอญ

“การเดินทางมาสะพานอุตตมานุสรณ์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณี และด้านศาสนา หนึ่งใน Soft Power สำคัญตามนโยบายรัฐบาล ในการนำศักยภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวให้มากขึ้นเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน รวมถึงจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ทั้งยังจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่มีอยู่ดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไป”