นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) เปิดเผยหลังจากเข้ารับตำแหน่ง รมว.กก. ว่า การขับเคลื่อนนโยบายของ กก. จะต้องทำทั้งด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้ท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว (Tourism Hub) โดยการท่องเที่ยวจะต้องเกื้อกูลต่อการกีฬา พร้อมทำให้ทั้งการกีฬาเกื้อกูลการท่องเที่ยว และผลักดันให้ประสบความสำเร็จด้านกีฬา ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกของประชาชนในการออกกำลังกาย
ด้านการท่องเที่ยวจะต้องผลักดันอย่างครบวงจรบูรณาการทุกฝ่าย การที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจไปท่องเที่ยวที่ใดนั้น ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและบริการมีความสำคัญ จะต้องมีการปรับปรุงและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออย่างเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า โดยขอให้เน้นการประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง ทุกรูปแบบ
เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย จะต้องปรับการบริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่จำนวนเที่ยวบิน ค่าโดยสาร ระบบการเข้าเมือง ความสะดวกสบายและการบริการที่สนามบิน และแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการคมนาคม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี เนื่องจากโจทย์ที่จะต้องดำเนินการ คือ การหารายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้เวลาล่วงมาแล้ว 4 เดือน ยังมีเป้าหมายที่จะต้องทำอีกมาก จึงได้มอบนโยบายเร่งด่วนด้านการท่องเที่ยว ดังนี้
ประการแรก การส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วง Low Season ระหว่างเดือน พฤษภาคม- กันยายน เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อน จะต้องมีการส่งเสริมการตลาดเชิงรุกไปยังกลุ่มประเทศที่ได้รับ VISA FREE โดยให้มีการทำ Package ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การตรวจสุขภาพ งานแต่งงาน การท่องเที่ยวของกลุ่ม lgbtq+ (กลุ่มข้ามเพศ) กลุ่มความเชื่อมูเตลู กลุ่มแฟนคลับของ idol ไทย / เกาหลี หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่พำนักในประเทศไทยและมีค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น
ประการที่สองวันหยุดยาวของประเทศจีน หรือ Golden week ช่วงวันที่ 1 – 7 ต.ค. จะต้องคิด campaign (แคมเปญ) หรือ event (อีเว้นท์) ใหม่ ๆ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวชาวจีน
ประการที่สาม ในช่วง high season ระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ก็จะต้องคิด campaign (แคมเปญ) หรือ event (อีเว้นท์) ใหม่ ๆ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ซึ่งหนีหนาวมาเที่ยวเมืองไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะวางแผนการท่องเที่ยวตั้งแต่บัดนี้
ประการที่สี่ การหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ การท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) พัฒนาแหล่งเที่ยวแบบ Homestay เพื่อเป็นการกระจายรายได้ และเป็นการใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างเหมาะสมซึ่งจะได้มีการรีบหารือกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ดีจะต้องมีการคำนึงถึงความยั่งยืนและการรักษาความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดจนความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย
ด้านกีฬาจะมุ่งส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จด้านการกีฬาอาชีพและสมัครเล่นควบคู่ไปกับการขยายการเข้าถึงการออกกำลังกายของประชาชนเพื่อรักษาสุขภาพ จึงได้มอบหมายนโยบายเร่งด่วนด้านการกีฬา ดังนี้
ประการแรกการผลักดันให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ จะต้องทำให้ “กีฬาคืออาชีพ” นักกีฬาสามารถดำรงชีวิตและสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองได้ โดยผลักดันผ่านสโมสรกีฬาและสมาคมกีฬาต่างๆ
ประการที่สอง การนำกีฬามาช่วยขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ การสร้างศูนย์กลางกีฬา (Sport Hub) ในระดับภูมิภาค การกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sport Tourism) การสร้าง World Class Event เช่น กอล์ฟ วิ่งมาราธอน ไตรกีฬา เรือใบ และ E-Sport (กีฬาอีเล็คทรอนิคส์) เป็นต้น
ประการที่สาม การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ ลดความเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่ติดต่อ (NCD: Non Communicable Diseases) เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคไตวาย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการลดภาระด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยการปลูกฝังจิตสำนึกในการออกกำลังกาย การสร้างสนามกีฬา ลานกีฬา และพื้นที่สีเขียว เพื่อการออกกำลังกายให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการส่งเสริมธุรกิจเพื่อการออกกำลังกาย (Fitness Center)
อย่างไรก็ดี การผลักดันนโยบายท่องเที่ยวและกีฬา จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและบุคลากรของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล และความโปร่งใสในการปฏิบัติงานด้วย