สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน 2567

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยผลการประเมินเบื้องต้นพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 21 เม.ย. 67 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 11 ล้านคน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชะลอตัวลงกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และเริ่มเดินทางกลับหลังสิ้นสุดเทศกาล ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดหลักขยายตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4,591 คน หรือร้อยละ 11.90 จากสัปดาห์ก่อนหน้า

จากการเสร็จสิ้นการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงเทศกาลนวราตรี ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งสิ้น 572,809 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 180,993 คน หรือร้อยละ 22.15 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 81,830 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (120,615 คน) มาเลเซีย (75,780 คน) อินเดีย (40,347 คน) รัสเซีย (31,727 คน) และลาว (26,429 คน) โดยนักท่องเที่ยวลาว และอินเดีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 35.61 และร้อยละ 11.90 ในขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย จีน และรัสเซีย มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 49.61 ร้อยละ 18.86 และร้อยละ 8.49 ตามลำดับ

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยลักษณะทรงตัว แต่ยังคงมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย. 67 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 21 เม.ย. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 11,296,762 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 544,861 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (2,152,167 คน) มาเลเซีย (1,466,837 คน) รัสเซีย (727,351 คน) เกาหลีใต้ (643,412 คน) และอินเดีย (587,282 คน)