กรมส่งเสริมการเกษตรเผยผลการดำเนินงานโครงการรวมพลังสร้างมูลค่าจากไร่นาสู่สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ช่วยเกษตรกรรู้รักสามัคคี ทำเกษตรแบบลดต้นทุน ตอบโจทย์ลดปัญหาการเผาและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำ “โครงการรวมพลังสร้างมูลค่าจากไร่นาสู่สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปีพุทธศักราช 2562 โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 – เดือนพฤษภาคม 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการเศษวัสดุการเกษตรให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่และชุมชน ลดการเผา ลดปัญหาหมอกควัน สร้างสมดุลระบบนิเวศ รวมทั้งส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้เป็นปัจจัยการผลิตและพลังงานชีวมวล พร้อมจัดอบรมถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกร จำนวน 26,460 ราย ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า เกษตร (ศพก.) ที่มีอยู่ 882 แห่ง ร่วมกับศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ซึ่งมีผู้นำเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศ
ความคืบหน้าการดำเนินงานขณะนี้ (เดือนสิงหาคม 2562) ได้จัดประชุมชี้แจงและประชาสัมพันธ์โครงการฯ ใน ศพก. และ ศดปช.ครบแล้วทั้ง 882 ศูนย์ คิดเป็น 100% สำหรับการอบรมถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกร ครั้งที่ 1 เป็นการวิเคราะห์ปัญหา ความต้องการของชุมชน และจัดทำแผน ดำเนินการไปแล้วกว่า 65% ครั้งที่ 2 เน้นให้ความรู้และดำเนินการตามแผน ดำเนินการแล้วประมาณ 60% โดยกิจกรรมที่ดำเนินการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดมูลค่ามีดังนี้
- การจัดทำฐานเรียนรู้ปุ๋ยอินทรีย์ โดยจัดทำกองปุ๋ยหมัก ณ ศพก. และ ศดปช. หรือศูนย์เครือข่าย จำนวน 1,533 จุด ได้ปริมาณปุ๋ย 5,729 ตัน
- การจัดการเศษวัสดุการเกษตร จำนวน 708 จุด เช่น การจัดทำปุ๋ยหมัก ได้แก่ การไถกลบตอซัง การผลิตปุ๋ยหมัก การผลิตปุ๋ยหมักเติมอากาศ ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง การทำน้ำหมักชีวภาพ จำนวน 579 จุด การผลิตเป็นอาหารสัตว์ ได้แก่ ฟางข้าวอัดก้อน จำนวน 21 จุด ใช้เป็นวัสดุสำหรับการเกษตรอื่น ๆ ได้แก่ วัสดุเพาะเห็ด และวัสดุปลูกพืช จำนวน 90 จุด ใช้เป็นวัสดุสำหรับแปรรูป หัตถกรรม และอุตสาหกรรม ได้แก่ วัสดุโครงสร้างโต๊ะ เก้าอี้ กระดาษใยสับปะรด ไม้กวาดทางมะพร้าว และกระดาษฟางข้าว จำนวน 6 จุด และใช้เป็นพลังงานทางเลือก ได้แก่ เตาเผาถ่านไบโอชาร์ไร้ควัน จำนวน 12 จุด
- การเชื่อมโยงตลาดในการจัดซื้อวัสดุการเกษตร ชนิดของวัสดุการเกษตรที่รับซื้อ ได้แก่
– ปุ๋ยหมัก ดำเนินการ 2 จุด ปริมาณ 10 ตัน ราคา 20,000 บาท มีศูนย์ข้าวชุมชนเป็นผู้รับซื้อ
– ดินปลูก ดำเนินการ 1 จุด ปริมาณ 4 ตัน ราคา 10,000 บาท มีร้านขายต้นไม้เป็นผู้รับซื้อ
– ปุ๋ยคอก ดำเนินการ 1 จุด ปริมาณ 2.25 ตัน ราคา 1,250 บาท มีเกษตรกรผู้ปลูกผักเป็นผู้รับซื้อ
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานโครงการฯ จนกระทั่งสิ้นสุดระยะเวลา กรมส่งเสริมการเกษตรมั่นใจว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้น จากการหยุดการเผาในพื้นที่การเกษตรซึ่งสร้างปัญหาหมอกควัน มลพิษทางอากาศ ก่อให้เกิดผลดีใน 5 ด้าน ได้แก่ อากาศดี ดินดี รายได้ดี สิ่งแวดล้อมดี และมีสุขภาพดี ถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมสร้างสมดุลระบบนิเวศในชุมชนได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เกษตรกรยังได้รับความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ในไร่นาของตนเอง สามารถลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ และเมื่อชุมชนได้มีส่วนร่วมดำเนินการกิจกรรมร่วมกันจะก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีในชุมชน นับเป็นกิจกรรมการทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อร่วมกันเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวายแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
………………………………………….
อัจฉรา : ข่าว, สิงหาคม 2562
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร