วันที่ 25 มีนาคม 2567 เวลา 07.00 น. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงยุติธรรม ครบรอบ 133 ปี โดยมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมฯ ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม
การจัดงานในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการและบุคลากรในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตา น้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระกรุณาฯ โปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2434 และพัฒนานับเนื่องถึงปัจจุบันมาเป็นเวลากว่า 133 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความเป็นเสาหลักอันเป็นรากฐานของประเทศไทย โดยในช่วงเช้ามีพิธีสงฆ์ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดเสมียนนารี จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบเข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง พร้อมเกียรติบัตร ประจำปี 2567 แก่บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์หรือผู้ให้การสนับสนุนกิจการหรือราชการของกระทรวงยุติธรรม ชั้นที่ 1 อันเป็นเกียรติยศยิ่ง จำนวน 2 รางวัล เข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง ชั้นที่ 2 อันเป็นเกียรติยิ่ง จำนวน 2 รางวัล เข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง ชั้นที่ 3 อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง จำนวน 18 รางวัล และเข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง ชั้นที่ 4 อันเป็นที่ชมเชยยิ่ง จำนวน 65 รางวัล รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2566 ของกระทรวงยุติธรรม จำนวน 19 รางวัล และรางวัลผลงานวิจัย จำนวน 4 รางวัล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาในงาน 133 ปี กระทรวงยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยุติธรรมนำประเทศ งานในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจากที่เคยเข้าร่วมงานในฐานะข้าราชการคนหนึ่ง แต่วันนี้มาอีกฐานะหนึ่งจึงถือว่าเป็นคนเก่า และนับว่าเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้รับความร่วมมือกับเพื่อนข้าราชการทุกคน ตลอดจนผู้ได้รับรางวัลซึ่งผมมีความมุ่งมั่นที่จะนำพากระทรวงยุติธรรมไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ คือ ความยุติธรรมให้กับคนทุกคนหรือความยุติธรรมถ้วนหน้า
ในโอกาสที่มารับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยากจะเรียนถึงอุดมการณ์ ผมมีความยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการบริหารราชการแผ่นดินจะปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวม สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่าง เป็นธรรม ผาสุก และมีความสามัคคีปรองดอง ผมได้เสนอนโยบายหลัก 5 ประการในคราวที่รับตำแหน่ง คือ 1) การนำความยุติธรรมไปหาประชาชนไปสู่สังคมที่มีความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือความยุติธรรมถ้วนหน้า 2) การปรับปรุงแก้ไขหรือปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้เกิดความเป็นธรรมที่ประโยชน์สูงสุดกับประชาชนมากที่สุด เพื่อยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศไทยให้เข้มแข็ง 3) การพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานให้มีคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ และเชี่ยวชาญ มีภาวะผู้นำที่สูง เป็นมืออาชีพภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว 4) การธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดหรือศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศ ส่งเสริมหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์และไม่เลือกปฏิบัติ และ 5) การยึดคติพจน์ กันไว้ ดีกว่าแก้หรือการป้องกันอาชญากรรมดีกว่าการลงโทษอาชญากร เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม สร้างความรู้ ความเข้าใจการปฏิบัติตามกฎหมายและการอยู่ร่วมกัน ในสังคม เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
ต้องขอขอบคุณท่านอดีตผู้บริหารหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ทั้งท่านปลัดกระทรวงยุติธรรม และทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำงาน และได้วางวิสัยทัศน์ส่งให้กระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างดี จนเดินทางมาถึง 133 ปี ผมยังยืนยันกำหนดแนวคิดภายใต้ “ความยุติธรรมสำหรับทุกคนหรือความยุติธรรมถ้วนหน้า” ให้นำไปดำเนินการอย่างสอดคล้องกับ นโยบายหลัก 5 ประการ ตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นการสั่งลงไปข้างล่าง แต่เป็นความคิดและความฝันที่อยากจะเดินทางไปให้ถึง ผมหวังว่าเมื่อเรามีทิศทางดังกล่าวแล้ว ความเป็นรูปธรรมก็คือพี่น้องของกระทรวงยุติธรรมทุกคนคงจะมาร่วมมือกันในห้วงเวลาอันใกล้นี้
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีกิจกรรมการบริจาคทรัพย์เข้ากองทุนสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กองทุนยุติธรรม รวมทั้งกิจกรรม “หนึ่งการให้ ได้สองเท่า” เพื่อเด็กและเยาวชนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนอีกด้วย