วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าและหมอกควัน จังหวัดนครศรีธรรมราช (ส่วนหน้า) สถานีควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ไฟป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช และป่าพรุทุ่งบางนกออก อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา ภายหลังได้รับข้อสั่งการจาก รมว.ทส. ในการเร่งตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดความเสียหายจากไฟป่าพรุควนเคร็ง พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานพร้อมทั้งประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายชากรี รอดไฝ ผอ.สจป. ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นายศุภชัย สุขใส ผอ.ศปป.ที่ 4 (ภาคใต้) นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้แทนหน่วยงานทหาร และตำรวจ
ผอ.ศปก.พป. ได้ชี้แจงการดำเนินงานพร้อมทั้งมอบข้อสั่งการให้ที่ประชุมดำเนินการในการตรวจสอบติดตามผู้กระทำ พร้อมทั้งวางมาตรการ 5 ข้อ ในการป้องกันการบุกรุกพื้นที่เสียหายโดยด่วน
1). รวบรวมข้อมูลผู้ต้องสงสัย และหลักฐานอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่าพรุ เพื่อส่งให้ สตช. และ DSI ใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
2). นำพิกัดที่เกิดไฟไหม้ในพื้นที่ป่าพรุทั้งหมด ลงในระบบ GIS เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
3). ตรวจสอบพื้นที่ด้วยภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียม การบุกรุกพื้นที่หลังปี 2557 เพื่อใช้ประกอบการลงตรวจสอบและดำเนินคดีหากพบผู้ไม่มีคุณสมบัติในการครอบครองที่ดิน
4). สำรวจรังวัดพื้นที่ป่าที่เกิดไฟไหม้ในปี 2562 และห้ามมิให้มีการเข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ และหากพบเห็นการบุกรุกให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
5). จัดตั้งชุดเฉพาะกิจร่วม โดยมี กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ในการบังคับใช้กฎหมายกับนายทุนและผู้ที่บุกรุกใหม่ โดยให้มีแผนการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งนี้ รมว.ทส. ได้เน้นย้ำว่าต้องไม่มีการบุกรุกในพื้นที่ป่าที่เกิดไฟไหม้อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือจากภาคประชาชนหากพบเหตุไฟป่า ตลอดจนเฝ้าระวังการบุกรุกพื้นที่ที่เกิดเหตุไม่ให้มีผู้ใดเข้ามาบุกรุกในพื้นที่ สามารถแจ้งมาทางสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าระงับเหตุได้ทันสถานการณ