นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า “จากที่กรมการท่องเที่ยวบูรณาการความร่วมมือกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมือง จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ร่วมแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คน ไทยเป็นตัวแทนอำพราง (ศปต.) ซึ่งจัดตั้งที่กรมการท่องเที่ยว ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ทำให้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในจังหวัดท่องเที่ยวทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี รวมไปถึงล่าสุดกรณีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่มีนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนและทำกิจกรรมเกี่ยวกับปางช้าง โดยจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ได้มีการจดทะเบียนประกอบธุรกิจนำเที่ยวด้วย คือ บริษัท อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค ภูเก็ต จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้น จำนวน 3 ราย เป็นคนไทย 2 ราย ถือหุ้น 51% และต่างชาติ 1 ราย ถือหุ้น 49% มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไป
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในปี 2567 กรมการท่องเที่ยวจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ในการตรวจสอบธุรกิจที่กระทำผิด โดยจะเข้าตรวจสอบเชิงลึก เช่น การถือหุ้นประเภทธุรกิจในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ ภัตตาคาร ธุรกิจนำเที่ยว ให้เช่ารถ โรงแรม รีสอร์ท เป็นต้น
ทั้งนี้ หากพบว่ามีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว แต่ตรวจสอบแล้วขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตและตัดสิทธิ์นิติบุคคลและกรรมการของนิติบุคคลดังกล่าวไม่สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้เป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
กรมการท่องเที่ยว ขอแจ้งช่องทางการรับเรื่องราวร้องเรียนธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) ของ ศปต. ซึ่งประชาชนหรือนักท่องเที่ยว สามารถแจ้งร้องเรียนหรือเบาะแสการกระทำดังกล่าวได้ทาง E-mail: DOT-TGIS@TOURISM.GO.TH สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2141 3264 หรือ 0 2141 3119