สภาการสาธารณสุขชุมชน โดยคณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนได้มีมติอนุมัติจัดโครงการอบรมเรื่องจริยธรรมและกฎหมายกับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน รุ่น 1 ปี 2562 ในครั้งนี้ สอดคล้องเป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับกฎหมายหลัก กฎหมายลำดับรองต่าง ๆ ที่จะมีผลใช้บังคับได้
โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย สมาชิกสภาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้วเกือบ 4 หมื่นคน สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนที่ผ่านการสอบความรู้และเป็นผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติของคณะกรรมการสภาฯ อนุมัติการขึ้นทะเบียนและออกเลขที่ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน รวมกว่า 12,000 คน นอกจากนี้ยังมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมครั้งนี้ด้วยทั้ง 4 ภาค ประมาณ 6,000 คน
ผู้เข้าร่วมอบรมจะรับรู้จากการร่วมเรียนรู้ และทำความเข้าใจถึงสาระสำคัญที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2562 ข้อบังคับสภาการสาธารณสุขชุมชนฉบับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2561 ถึง ปี พ.ศ. 2562 รวม 12 ฉบับ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และนักกฎหมาย ที่จะมาถ่ายทอดองค์ความรู้ทางกฎหมาย หลักจริยธรรมทั่วไป หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวทางปฏิบัติในการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
นายไพศาล กล่าวว่า ขณะนี้ตนในฐานะนายกสภาการสาธารณสุขชุมชน และคณะกรรมการสภาทั้ง 24 ท่าน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสภานายกพิเศษ ได้ดำเนินการพิจารณาและออกกฎหมายลูกหรือกฎหมายลำดับรองไว้เสร็จสิ้นแล้วรวมกว่า 33 ฉบับ มีทั้ง ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เป็นอำนาจขอบเขตของสภาฯ และอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แต่ยังมีกฎหมายลำดับรองที่สำคัญ ๆ อีก เช่น ระเบียบว่าด้วยการตรวจประเมินและบำบัดโรคเบื้องต้น ข้อบังคับที่เกี่ยวกับการตรวจประเมินช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อส่งต่อ เป็นต้น ค้างท่ออยู่ในกระบวนการพิจารณาให้ความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายไพศาล กล่าวว่า ตนรับทราบความรู้สึกของสมาชิกทุกท่านเป็นอย่างดี กับความคาดหวังที่รอคอยกว่าจะมีกฎหมายวิชาชีพฉบับนี้ จนกระทั่งพวกเราชาวสาธารณสุขและหมออนามัยได้ขับเคลื่อนกฎหมายในนามประชาชน จนสำเร็จ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2556 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาต่างให้การยอมรับการเกิดและมีวิชาชีพนี้ในสังคมไทย ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 382 คะแนน ไม่มีเสียงใดเสียงหนึ่งคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว ซึ่งนายไพศาลมองว่านั่นคือ ธงเป้าหมายแรก ที่มีร่องรอยเป็นตำนานทางประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ผลักดันให้มีกฎหมายวิชาชีพด้วยความอดทน กล้าหาญ และมีความเป็นเอกภาพเดียวกัน จนสำเร็จถือเป็นชัยชนะและเกิดวลีเด็ด “ร้อยปีหมออนามัยสู้ชนะ”
สำหรับการอบรมจริยธรรมและกฎหมายกับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในครั้งนี้ จะเป็นเรื่องของทางวิชาการ ความรู้ และสาระเนื้อหาที่เกี่ยวกับหลักจริยศาสตร์ หลักจริยธรรมและหลักจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนทุกท่านที่เข้าร่วมอบรมครบถ้วนตามตารางเวลาที่กำหนด ก็จะได้รับหน่วยคะแนนคนละ 11 หน่วยคะแนน เก็บสะสมไว้เพื่อต่ออายุใบอนุญาตในทุก ๆ 5 ปี
หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมจริยธรรมและกฎหมายแล้ว ในช่วงของการอบรมในวันที่สองช่วงบ่ายโมง จะเป็นพิธีมอบใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน รุ่น 1 แห่งปี 2562 และมอบบัตรประจำตัวผู้ประกอบวิชาชีพ พร้อมกับใบวุฒิบัตรสำหรับผู้เข้าร่วมอบรมจนครบตามกำหนดเวลาที่คณะกรรมการสภามีมติอนุมัติให้ไว้
“ ตนในฐานะนายกสภา และคณะกรรมการสภาชุดที่ 1 นี้ ได้ทำตามอำนาจหน้าที่และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภา การขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบวิชาชีพที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งมอบธงเป้าหมายที่สองให้กับสมาชิก ที่ผ่านกระบวนการสอบความรู้เพื่อขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งสภาฯ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 3 รอบ ในช่วง 2 รอบแรกของปี 2561 มีผู้สอบผ่านความรู้ไปประมาณ 17,000 คน จากจำนวนรวมผู้สมัครสอบทั้งสองรอบกว่า 20,000 คน สอบผ่านความรู้ด้วยตนเองประมาณ 20-30% แต่เมื่อรวมคะแนนเทียบเคียงมาตรฐานความรู้อื่น หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า คะแนนเกื้อกูลประสบการณ์ ตัวเลขผู้สอบผ่านพลิกกลับทันทีเป็น สอบผ่าน 70-80% ที่สำคัญ ตนเองมีความภูมิใจในความเป็นหมออนามัยและนักสาธารณสุขของทุกท่าน สำหรับการสอบความรู้ทั้ง 3 รอบ ไม่พบการทุจริตใด ๆ จากสมาชิกผู้เข้าสอบทุกท่าน”
นายไพศาล กล่าวว่า ในฐานะนายกสภาการสาธารณสุขชุมชน และคณะกรรมการสภาทั้ง 24 ท่าน ซึ่งมีคณะอนุกรรมการต่าง ๆ เป็นกลไกการบริหารกิจการสภาให้ขับเคลื่อนภารกิจของสภาและนโยบายที่วางไว้ จนสำเร็จลุล่วงไปเกือบครบถ้วนทั้งหมด ยังคงเหลือภารกิจเกี่ยวกับงานศึกษาวิจัยด้านมาตรฐานคุณวุฒิการศึกษา สาขาสาธารณสุขศาสตร์ หรือเรียกว่า มคอ.1 สำหรับสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตด้านสาธารณสุขที่มีกว่า 100 กว่าแห่ง ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน หรือเป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีงานวิจัยอีกเรื่องที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนหมดวาระของคณะกรรมการชุดนี้ งานวิจัยที่เกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ถือว่าเป็นงานวิจัยที่จะไปตอบโจทย์ เรื่อง การออกข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน มาตรฐานจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และการกำหนดทิศทางความก้าวหน้าของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
จึงฝากการบ้านข้างต้นให้กับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายเร่งดำเนินการใน4เรื่อง ดังต่อไปนี้
1. การกำหนดมาตรฐานกำหนดตำแหน่งใหม่ของนักวิชาการสาธารณสุข ที่เป็นตำแหน่งทางวิชาชีพ ไม่ใช่ตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานระดับนโยบาย ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ สำนักงาน ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ หรือกระทรวงการคลัง เป็นต้น
2. การกำหนดอัตราค่าตอบแทนวิชาชีพ เหมือนกับทุกวิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ เภสัชกร ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณสำหรับเป็นค่าตอบแทนวิชาชีพให้กับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน รวมไปถึงเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินตอบแทนอื่น ๆ จึงเป็นเรื่องที่สภาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเสนอต่อรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
3. การกำหนดกรอบอัตรากำลังและโครงสร้างรองรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ให้เกิดความเป็นธรรมและเสมอภาค
4. เสนอขอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายใหม่ เนื่องจากส่งผลกระทบเมื่อมีพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ตลอดจนกฎ ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่มีผลใช้บังคับแล้ว และมีผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว อาทิ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติสถานประกอบการ เป็นต้น