“สุดาวรรณ”ลุยตลาดอินเดียเที่ยวไทย 2 ล้านคน

“สุดาวรรณ” จับเข่าคุย 4 บริษัทท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของอินเดีย ดึงร่วมมือส่งเสริมนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยปีนี้ให้ถึง 2 ล้านคน เผยถูกเร่งให้ปลดล็อคข้อจำกัดทางการบินระหว่างไทย-อินเดีย พร้อมเสนอรัฐบาลต่ออายุการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียที่จะสิ้นสุดในวันที่ 10 พ.ค.2567 ออกไป สั่ง ททท. ดึงชาวอินเดียมาเที่ยวงานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย 59 ราย เดินทางเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2024 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในอินเดีย โดยในปี 2567 ได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียให้ถึง 2 ล้านคน หลังจากในปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทย 1.62 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 61,970 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมากเป็นผลมาจากที่รัฐบาลได้ยกเว้นการตรวจลงตรา หรือวีซ่า-ฟรี ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 – 10 พฤษภาคม 2567 (ระยะเวลา 6 เดือน) ซึ่งล่าสุดจาการเดินทางมาอินเดียในครั้งนี้มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยขยายเวลาการยกเว้นวีซ่าที่จะสิ้นสุดลง ต่อไปอีก 2 ปี ซึ่งได้รับที่จะนำไปหารือกันในรัฐบาลต่อไป

ขณะเดียวกัน ได้หารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนำเที่ยวอินเดียรายใหญ่ 4 ราย ประกอบด้วย TravelBullz, Yatra.com, MakeMyTrip.com และ EaseMyTrip.com มีข้อเสนอแนะว่า ถ้าหากไทยและอินเดียสามารถปลดล็อคข้อจำกัดด้านการบินได้ จะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางไปประเทศไทยได้มากขึ้น พร้อมเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น การแข่งขันกีฬา, คอนเสิร์ต ฯลฯ และข้อเสนอให้พัฒนาและปรับโฉมสินค้าบริการท่องเที่ยวของไทยให้มีความสดใหม่และทันสมัย สามารถดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่ม Millennials และ Luxury ตลอดจนแนะนำให้ทำการสื่อสารการตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสื่อสารและเจาะไปยังตลาดอินเดียโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่ 4 ราย ประกอบด้วย

  1. นาย K.D. Singh ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท TravelBullz ให้บริการทั้ง B2C, B2B ในรูปแบบ Wholesale Booking โดยมีบริษัทที่เป็นลูกข่ายกว่า 15,000 บริษัท และมีโรงแรมในเครือข่ายกว่า 150,000 โรง ครอบคลุม 100 ประเทศทั่วโลก และเป็น DMC รายใหญ่ที่ให้บริการจัดการภาคพื้นในประเทศไทย สำหรับบริษัทนำเที่ยวอินเดีย โดยบริษัทมีการจัดตั้งสาขาในประเทศไทยด้วย
  2. นาย Dhruv Shringi ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Yatra.com เป็นบริษัท Online Travel Agency ดำเนินธุรกิจทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C ให้บริการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก และกิจกรรมทางการท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีสมาชิกประมาณ 7 ล้านคน มีโรงแรมในเครือข่ายการโรงแรมกว่า 2 ล้านแห่งทั่วโลก ครอบคลุมเมืองต่างๆ กว่า 1,400 เมือง
  3. นาย Rajesh Magow ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MakeMyTrip.com เป็นหนึ่งในบริษัท Online Travel Agent ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย มีสาขากว่า 140 สาขาในเมืองต่าง ๆ กว่า 100 เมืองทั่วประเทศอินเดีย มีผู้ใช้งานประมาณเดือนละกว่า 68 ล้านคน
  4. Mrs. Nutan Gupta กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ EaseMyTrip.com เป็น 1 ใน 5 บริษัท Online Travel Agency ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ให้บริการทั้งแบบ B2B และ B2C โดยมีบริษัทเครือข่ายกว่า 61,000 บริษัท และมีลูกค้ากว่า 11 ล้านคน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวด้วยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ 35 ล้านคน ให้เป็น 40 ล้านคน เพื่อเพิ่มจำนวนรายได้รวมจากการท่องเที่ยวจากเป้าที่วางไว้ 3 ล้านล้านบาท ให้เป็น 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งตลาดอินเดียมีประชากร 1,437 ล้านคน และคาดว่าเศรษฐกิจของอินเดียในปี 2567 จะขยายตัว7% และจะขยับเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2570 จึงสั่งการให้ ททท.เพิ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวอินเดียในปี 2567 ให้ได้ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากที่วางไว้ 1.746 ล้านคน สร้างรายได้ 80,870 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ได้ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชาสัมพันธ์ให้ชาวอินเดียรับรู้ว่ารัฐบาลไทยมีการส่งเสริมการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นงานระดับโลก เช่น ในเดือนเมษายน 2567 ได้กำหนดให้มีโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ที่ตั้งใจผลักดันให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลของโลก จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายนนี้ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้มีการผลักดันเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียในประเทศไทย การโปรโมทและส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรองของประเทศไทย และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว 365 วัน