ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มเกษตรกรกว่า 400 คน ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.เดิมบางนางบวช อ.สามชุก อ.ดอนเจดีย์ และ อ.อู่ทอง เพื่อรับฟังและร่วมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำทางการเกษตร หลังประสบปัญหาน้ำในคลองส่งน้ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่กำลังจะยืนต้นตาย ณ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
สำหรับคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คลอง มอ. นั้น มีความยาวประมาณ 104 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ไปจนถึงอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีพื้นที่การเกษตรประมาณ 250,000 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 50,000 ครัวเรือน ความจุคลองประมาณ 35 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ น้ำในคลองแห้ง เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าปกติ ทำให้ข้าวที่อยู่ในระยะกำลังจะออกรวงและต้องการน้ำ เริ่มจะได้รับความเสียหาย อีกทั้งระดับน้ำอยู่ต่ำจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำเข้ามาช่วย นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ประสานสั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 12 ร่วมกับสำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาด 3 ลบ.ม/วินาที เพิ่มจำนวน 2 เครื่อง บริเวณคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง และจำนวน 2 เครื่องบริเวณคลองมะขามเฒ่า-กระเสียว (คลอง มก.) คาดว่าจะทำให้น้ำในคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง (คลอง มอ.) เพิ่มขึ้นรวมประมาณ 15 ลบ.ม./วินาที และสามารถส่งน้ำไปถึงปลายคลองได้ โดยจะเริ่มติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้(8 ส.ค. 62)
ทั้งนี้ นายประภัตรฯ ได้ขอความร่วมมือจากเกษตรกรตลอดแนวคลองให้หยุดสูบน้ำตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันนี้(8 ส.ค. 62)เป็นต้นไป มั่นใจว่าในอีก 2 วัน น้ำจะไหลลงไปถึงปลายคลอง มอ. อย่างแน่นอน ซึ่งในวันเสาร์ที่ 10 ส.ค. นี้ นายประภัตรฯ ได้นัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อติดตามผลการแก้ไขปัญหาและการแบ่งจัดสรรน้ำในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือจากชาวนาให้มีความเห็นอกเห็นใจกันและกัน ไม่แย่งน้ำจากตอนบน เพราะจะทำให้ปลายคลองขาดน้ำและข้าวล้มตาย ตลอดจนหากพื้นที่ใดเก็บเกี่ยวแล้ว ขอให้หยุดทำการเพาะปลูกต่อเนื่องออกไปก่อน