ดร. ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุมและรับมอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในงานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายด้านสังคม ประกอบด้วย 7 กลุ่มนโยบาย ได้แก่ การแก้หนี้ทั้งระบบ การพัฒนาการศึกษา สิทธิในที่ดินทำกิน ยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล สาธารณสุข ความเสมอภาคเท่าเทียม และสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของประชาชน โดยในปี 2568 นโยบายด้านสังคมจะยังคงเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลจะเดินหน้าทำต่อไป
และในวันนี้ 29 มกราคม 2567 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการรักษาและพัฒนาทรัพยากรอันทรงคุณค่าของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน ได้จัดประชุมรับมอบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อประกอบการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อดำเนินการสานต่อนโยบายของรัฐบาล โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน
ในการนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายอนันต์ แก้วกำเนิด รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ตลอดจนคณะผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวง ทส. และคณะทำงานจากสำนักงบประมาณ เข้าร่วมประชุม พร้อมกันนี้ ตนในนามผู้นำของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้นำผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สังกัดกรม ทช. เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังนโยบายฯ ณ ห้องประชุม 202 และ 203 ชั้น 2 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ดร. ปิ่นสักก์ อธิบดี ทช. กล่าวอีกว่า จากนั้น รมว.ทส. ได้มอบนโยบายเพื่อจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีเกณฑ์ในการลำดับความสำคัญโครงการที่มีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์จริงในกรอบระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยาวให้สอดคล้องตามนโยบาย ของรัฐบาล ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ต้องทำงานเชิงรุก สื่อสารทุกช่องทาง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ และบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ ป้องกัน และฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการป้องกัน และปราบปราม การบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ พร้อมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎร ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และป่าชายเลนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจภาคทะเลด้วยการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน หญ้าทะเล และสัตว์ทะเลหายาก รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
ด้านการบริหารจัดการน้ำ พัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำผิวดิน และการจัดการน้ำบาดาล เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้เพียงพอต่อความต้องการ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จัดทำโครงการ หรือกิจกรรมในรูปแบบใหม่ๆที่สื่อสารให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัว การลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเก็บกัก เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และด้านการบริหารจัดการ มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพบุคลากร รวมถึงสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชน พร้อมกับนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีบทบาทและหน้าที่ในการปฏิบัติงาน อีกทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน และเยาวชน