“กรมชลประทาน” เปิดบ้าน พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมอ่างฯ บางพระ ติดตามโครงข่ายการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ EEC มั่นใจแล้งนี้มีน้ำเพียงพอ

กรมชลประทานจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรโซนภาคตะวันออก นำเยี่ยมชมอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC สร้างความเชื่อมั่นมีน้ำเพียงพอต่อทุกกิจกรรม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ

วันที่ 26 มกราคม 2567 นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 พร้อมด้วย นายวัชระ พรหมคุณาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี, นายประสพโชค มั่งจิตร ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำและการเชื่อมโยงเครือข่ายน้ำในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC พื้นที่จังหวัดชลบุรี ณ อ่างเก็บน้ำบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 เปิดเผยว่า พื้นที่ จ.ชลบุรี มีการใช้น้ำจากอ่างฯบางพระ อ่างฯหนองค้อ และ 5 อ่างฯ ในพื้นที่พัทยา เป็นหลัก ปัจจุบันสามารถสูบผันน้ำจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต จ.สมุทรปราการ มาเติมที่อ่างฯ บางพระ ได้เต็มศักยภาพมากถึง 70 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และยังสามารถรับน้ำที่สูบผันจากแม่น้ำบางปะกงมาเติมที่อ่างฯ บางพระ อย่างเต็มศักยภาพอีกประมาณ 30 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ได้อีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ การประปาส่วนภูมิภาค ได้ลดการใช้น้ำบางส่วนจากอ่างฯ บางพระ ด้วยการหันไปใช้น้ำที่สูบผันมาจากอ่างฯ หนองปลาไหลทดแทน โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของประชาชน และในอนาคต หากมีการดำเนินโครงการสูบผันน้ำจากอ่างฯ ประแสร์ มายังอ่างฯ หนองค้อ และผันน้ำต่อมาที่อ่างฯ บางพระ จะทำให้ จ.ชลบุรี มีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี

ปัจจุบันในพื้นที่ภาคตะวันออก อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง มีปริมาณน้ำเก็บกักรวมกันประมาณ 1,587 ล้าน ลบ.ม. หรือ 63% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ซึ่งในภาพรวมยังคงเพียงพอต่อการใช้น้ำในปัจจุบัน แต่ทว่าในอนาคต การขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมที่กำลังจะเติบโตขึ้น ความต้องการใช้น้ำจึงเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ประชาชนและเกษตรกรก็ต้องมีน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคใช้อย่างเพียงพอและไม่ขาดแคลน กรมชลประทาน จึงได้วางแผนสร้างความมั่นคงด้านน้ำ โดยการปรับปรุงโครงการที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพิจารณาการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำใหม่เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง อาทิ อ่างฯ คลองพะวาใหญ่ จ.จันทบุรี อ่างฯ ห้วยกรอกเคียน จ.ฉะเชิงเทรา อ่างฯ คลองโพล้ จ.ระยอง และโครงการที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อน 16 โครงการ หากแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ให้แก่พื้นที่ทั้งในและนอกพื้นที่ EEC ได้เป็นอย่างมาก