นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และประธานคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2567 ณ กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อเร็วๆนี้ว่า สืบเนื่องจากกรณีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน สหรัฐอเมริกา ประสงค์ส่งคืนประติมากรรมสำริด 2 รายการ ได้แก่ พระศิวะและสตรีนั่งพนมมือ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ หรือประมาณ 900 – 1,000 ปีมาแล้ว ซึ่งมีหลักฐานว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย จึงได้เชิญคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมหารือแนวทางการรับมอบกลับคืนสู่ประเทศไทย ตามที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันได้แจ้งว่าจะดำเนินการส่งมอบโบราณวัตถุดังกล่าวผ่านสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบรรจุหีบห่อและการขนส่งถึงประเทศไทย ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก และกรมสารนิเทศ ประสานและเตรียมพิธีการรับมอบในสหรัฐอเมริกา เมื่อถึงไทยมอบหมายกรมศิลปากรจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมความงามของโบราณวัตถุดังกล่าว โดยคาดว่าโบราณวัตถุทั้งสองรายการจะกลับถึงไทยภายในเดือนพฤษภาคม 2567
นอกจากนี้ ได้มีการสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมการฯ ดังนี้ โบราณวัตถุที่ได้รับกลับคืนมาแล้ว ได้แก่ ทับหลัง 2 รายการ จากปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว และปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ความคืบหน้าโบราณวัตถุที่ยังอยู่ระหว่างการติดตาม 35 รายการ ได้แก่ ประติมากรรม 32 รายการ พระพุทธรูปยืนเหนือพนัสบดีจากเมืองโบราณซับจำปา จังหวัดลพบุรี 1 รายการ ใบเสมาจากเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ 2 รายการ ส่วนโบราณวัตถุที่จะติดตามเพิ่มเติม 2 รายการ เช่น เศียรพระพุทธรูปทวารวดี จากสาธารณรัฐเยอรมนี 1 รายการ ประติมากรรมปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย จากประเทศเบลเยียม 1 รายการ รวมถึงความคืบหน้าในการประสานขอรับคืนเครื่องมือหินชุดสำคัญของไทยที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์โบราณคดีและชาติพันธุ์วิทยาพีบอดี้ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งประสานติดตามโบราณวัตถุที่ The National Gallery of Australia และตรวจสอบเพื่อดำเนินการส่งคืนกลับสู่ประเทศไทย จำนวน 11 รายการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ในส่วนของโบราณวัตถุ ที่มีประวัติพบที่เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมนั้น คณะกรรมการฯ มีมติให้ติดตามคืนจำนวน 7 รายการ โดยให้ศึกษาด้านวิชาการเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนมากขึ้น โดยจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงาน Homeland Security Investigation เร่งรัดการติดตามกลับคืนสู่ประเทศไทยให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันหารือแนวทางการดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายทั้งของไทยและต่างประเทศ รวมถึงการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาและข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศที่ถูกโจรกรรมและสูญหายให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย ควบคู่กับการควบคุมดูแลโบราณวัตถุและโบราณสถานให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ปลอดภัย รวมไปถึงการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการสืบค้นโบราณวัตถุของไทยเพื่อติดตามกลับคืน ซึ่งใช้ประกอบเป็นข้อมูลสำคัญในการเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกสำหรับโบราณสถานในพื้นที่อื่นต่อไป