นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมของฝุ่นละอองสูงขึ้น โดยแหล่งกำเนิดฝุ่นที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ การเผาในที่โล่ง โรงงานอุตสาหกรรม สถานที่ก่อสร้าง เตาเผาศพ และสถานประกอบการอื่นๆ ซึ่งกรุงเทพมหานครและจังหวัดในพื้นที่ปริมณฑลก็ได้จัดทำแผนในการป้องกัน ตรวจสอบ พร้อมให้ความรู้ทำความเข้าใจทั้งกับผู้ประกอบการและประชาชน
นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า จากการรายงานแผนปฏิบัติการตรวจจับรถยนต์ควันดำริมเส้นทางจราจรของกรุงเทพมหานคร ในช่วงที่ฝุ่นละอองไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และกรมควบคุมมลพิษ จะตั้งจุดตรวจบริเวณถนนที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูง ดำเนินการทุกวัน 7 จุดต่อวัน วันละ 14 ชุด และตรวจอู่รถเมล์ 2 วัน/สัปดาห์ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่ดูแลรักษาเครื่องยนต์ และเมื่อฝุ่นละออง 37.5 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ให้เพิ่มการตรวจใน 4 จุด ได้แก่ ท่าเรือคลองเตย และนิคมอุตสาหกรรม (บางชัน ลาดกระบัง และอัญธานี) โดยจะตรวจ 3 วัน/สัปดาห์ พร้อมเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังพื้นที่ที่มี PM2.5 สูง รวมทั้งห้ามจอดรถสายหลักและสายรอง ห้ามเผาในที่โล่ง งดจุดธูป/เทียน ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ หยุดการก่อสร้าง พร้อมงดค่าโดยสารบีทีเอส(BTS)ส่วนต่อขยาย
ในส่วนของการตรวจจับรถยนต์ควันดำริมเส้นทางจราจรในจังหวัดปริมณฑล จะดำเนินการตรวจเข้มบนถนนสายหลัก และเส้นทางขาเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยกรมการขนส่งทางบกมี 16 ชุดต่อวัน ทั้งนี้ หากการตรวจสอบมีการระบายมลพิษมีค่าฝุ่นละอองที่กำหนดจะถูกปรับ และจะต้องนำไปปรับปรุงแก้ไขภายใน 30 วัน หากไม่ดำเนินการจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมมลพิษได้ติดตามเจ้าของรถยนต์ที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้และไม่ได้แก้ไขเรื่องควันดำมาดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายแล้ว โดยโทษสูงสุดปรับไม่เกินห้าพันบาท นอกจากนี้ยังประสานกรมการขนส่งทางบกเพื่อจดแจ้งในระบบการต่อทะเบียน ซึ่งเจ้าของรถยนต์จะต้องปรับปรุงแก้ไขเครื่องยนต์มิให้มีการปล่อยควันดำเกินมาตรฐานและนำรถเข้าตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบกเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินการทางทะเบียนได้ จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งและเจ้าของยานพาหนะ โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลเก่า หมั่นบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น PM2.5 และสุขภาพอนามัยของทุกคน นายปิ่นสักก์ กล่าว