กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้านโนบาย Local to Global ร่วมมือรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายามะ พัฒนา SMEs ไทยขยายตลาดญี่ปุ่น พร้อมเผยผลสำเร็จงานเจรจาการค้าสินค้าแฟชั่น ณ นครโอซากา ทะลุเป้า 66 ล้านบาท
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางเยือนประเทศประญี่ปุ่น เพื่อเข้าพบและหารือกับนายโยชิโนบุ นิซากะ (Mr. Yoshinobu Nisaka) ผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ เพื่อต่อยอดความร่วมมือด้านการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ภายหลังจากที่ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน ซึ่งไทยมีความพร้อมในด้านต่างๆ ที่จะรองรับการค้าการลงทุนจากญี่ปุ่น และเป็นสปริงบอร์ดไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือ CLMV ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย การเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเพื่อต่อยอดความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตอย่างแท้จริง นอกจากนี้ได้เข้าพบหารือกับผู้ประกอบการจังหวัดวากายามะ ที่มีความโดดเด่นในการแปรรูปสินค้าเกษตร เช่น บริษัท Sowa Kajuen (ผลิตภัณฑ์จากส้ม) และบริษัท Nakata Shokuhin (ผลิตภัณฑ์จากบ๊วย) เพื่อศึกษานวัตกรรมการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อสินค้าเกษตรแปรรูป รวมทั้งเข้าพบหารือกับบริษัท Kobe Suma Kirakuen เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุแบบครบวงจร และศูนย์ส่งเสริมความรู้เชิงความคิดสร้างสรรค์เพื่อธุรกิจ Start-up “Knowledge Capital Association”
ในโอกาสนี้ กรมยังได้นำคณะผู้ประกอบการไทยสินค้าแฟชั่นกว่า 40 บริษัทเจาะตลาดญี่ปุ่น ณ นครโอซากา ภายใต้กิจกรรมเจรจาการค้า “Thai Fashion & Textile Fair in OSAKA (TFTO)” เพื่อเปิดโอกาสให้นักธุรกิจญี่ปุ่นได้พบ และเจรจาการค้ากับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยที่มีคุณภาพโดยตรง ว่าประสบผลเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
“กิจกรรมการเจรจาธุรกิจเจาะตลาดญี่ปุ่น เป็นกิจกรรมการตลาดที่กรมดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ซึ่งปีนี้ ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 43 บริษัท ประกอบด้วย สินค้าสิ่งทอ 14 ราย เสื้อผ้าสำเร็จรูป 13 บริษัท และกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ อีก 16 ราย ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ได้พบผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นตามเป้าหมายกว่า 300 ราย ผลการเจรจาการค้าประมาณ 66,998,000 บาท แบ่งเป็นมูลค่าการสั่งซื้อทันที 8 ล้านบาท และภายใน 1 ปี 58 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ เส้นด้ายทำจากฝ้าย/ไหมอีรี่ ผ้าถัก เสื้อผ้าฝ้าย เส้นใยนวัตกรรมป้องกันแบคทีเรีย เครื่องประดับทำจากแก้ว เป็นต้น” นางบรรจงจิตต์กล่าว
อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมาก และญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มสินค้าที่ได้รับความนิยมในตลาดญี่ปุ่น ได้แก่ สินค้าที่ผลิตจากธรรมชาติ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการนำกลับมาใช้ใหม่ สินค้าที่เน้นสีสันธรรมชาติ โทนสีอบอุ่น ใส่สบาย รวมทั้งผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ (Functional Textile) เช่น ป้องกันแบคทีเรีย ระบายเหงื่อ กันรอยเปื้อน เป็นต้น ทั้งนี้ ปี 2561 สินค้าแฟชั่นมีมูลค่าส่งออกรวม 9,215 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ สินค้าสิ่งทอ มูลค่า 6,886.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าเครื่องหนัง เครื่องใช้ในการเดินทางและรองเท้า มูลค่า 1,827.29 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสินค้าเครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์ มูลค่า 500.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึงร้อยละ 8
ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการเจรจาการค้าและเปิดตลาดสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และบุคคลทั่วไปที่ติดตามนวัตกรรมสินค้าแฟชั่นของไทยที่สามารถไปไกลสู่ตลาดโลกได้ สามารถเข้าร่วมงาน STYLE Bangkok October 2019 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ที่รวมสามงานใหญ่ไว้ในงานเดียว (BIFF&BIL, BIG+BIH และ TIFF) ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่สินค้าแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ของขวัญและเฟอร์นิเจอร์ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 21 ตุลาคม 2562 นี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.stylebangkokfair.com หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169
********************************************************
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ