กรมชลประทาน วางแผนส่งน้ำฤดูแล้ง สร้างความมั่นใจน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดทั้งปี

วันที่ 20 พฤศจิายน 2566 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 สำนักเครื่องจักรกล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กรุงเทพมหานคร) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นต้น เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (20 พ.ย. 66) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 61,517 ล้าน ลบ.ม. (81% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 37,575 ล้าน ลบ.ม. (72% ของความจุอ่างฯรวมกัน)  เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 18,417 ล้าน ลบ.ม. (74% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มีน้ำใช้การได้ 11,721 ล้าน ลบ.ม. (64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ทั้งประเทศไปแล้วกว่า 2,290 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 11% ของแผนฯ  เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 367 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 7% ของแผนฯ  ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำสายหลักเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลดีต่อระบบนิเวศ ทำให้ปัจจุบันค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาและการเพาะปลูกพืชแต่อย่างใด

ด้านพื้นที่ตอนบนของประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการใช้น้ำตามแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ จัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ที่สำคัญต้องสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนและพื้นที่เพาะปลูก พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้สำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติ  อาทิ แก้มลิง และบึงต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ให้ได้มากที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ ได้เน้นยำให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2566/67  ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) เห็นชอบอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือไว้ประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือหน่วยงานท้องถิ่น ให้ร่วมกันกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำและแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เกษตรกรและประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ที่ยังคงมีปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง  ให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด   พร้อมดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 65/66 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด  เพื่อให้สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด