รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สั่งกรมชลฯ เร่งปรับปรุงระบบชลประทาน

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ที่บริเวณคันกั้นน้ำสมบูรณ์-บางขนาก ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการปรับปรุงระบบชลประทาน พร้อมพบปะพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 นายทรงพล สวยสม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล นายสิริพล รักษนาเวศ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง นายยงยส เนียมทรัพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 นายวิรวัฒน์ ผสมทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ และผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่พร้อมสรุปผลการดำเนินงาน

สืบเนื่องจากปัจจุบัน ระบบชลประทานในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงทรา ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้หลายแห่งอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ประกอบกับความต้องการใช้น้ำ ทั้งภาคการเกษตร และภาคส่วนอื่น ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาน้ำท่วมที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นต้น ทำให้ระบบชลประทานเดิม ไม่สามารถรองรับ และแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มศักยภาพ

กรมชลประทาน จึงได้วางแผนปรับปรุงและซ่อมแซมระบบชลประทาน ประกอบไปด้วย การซ่อมแซมสะพานข้ามคลองหกวาสายล่าง กม.54+150 ซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลบ.ม./วินาที และอุปกรณ์ประกอบ สถานีสูบน้ำคลอง 21 และการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารป้องกันตลิ่งคลอง 19 ระยะทาง 1 กิโลเมตร มีแผนดำเนินการภายในปี 2567 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ

นอกจากนี้ ยังมีแผนงานปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ประกอบด้วย งานปรับปรุงสถานีสูบน้ำและ ปตร.ปลายคลอง 19 งานปรับปรุงสถานีสูบน้ำและ ปตร.ปลายคลอง 20 มีแผนดำเนินการภายในปี 2571 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้มากขึ้น ช่วยเสริมศักยภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และปัญหาอุทกภัยได้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ต่อความต้องการของประชาชนได้ครอบคลุมในทุกมิติ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมระบบชลประทาน ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยเร็วที่สุด