วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย โดย ดร.ถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง และ กรมประมง กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐสังคมนิคมเวียดนาม โดย Mr. Tran Dinh Luan อธิบดีกรมประมง ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการต่อต้านการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม” ในการประชุม The 7th Meeting of the Sub Working Group on Fisheries ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการยับยั้งและขจัดการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันสินค้าประมงเถื่อนเข้าสู่ระบบการผลิตภายใต้การขับเคลื่อนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดร.ถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้การประชุมคณะทำงานร่วมกลุ่มย่อยด้านประมงระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หรือ The 7th Meeting of The Sub Working Group on Fisheries ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลเรือประมงรุกล้ำน่านน้ำ การตรวจสอบย้อนกลับ การปฏิบัติตามมาตรการรัฐเจ้าของท่า และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการรับรองสินค้าสัตว์น้ำว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาจากการทำการประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะช่วยป้องกันมิให้มีการนำเข้าสินค้าประมงเถื่อนเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิต
ที่ผ่านมาประเทศไทยและเวียดนามได้ร่วมกันผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการประมงผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านเวทีการประชุมทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยการประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางการตรวจสอบเอกสารสำหรับการนำเข้าส่งออกสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อที่จะหารือการดำเนินความร่วมมือในโครงการด้านวิชาการระหว่างไทยและเวียดนามในอนาคตอีกด้วย
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า เชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากการลงนามใน MOU ฉบับนี้ จะส่งผลให้ไทยและเวียดนามสามารถยับยั้งและขจัดการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงป้องปรามการนำเข้าสินค้าประมงเถื่อนเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิต อันจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการประมงของทั้ง 2 ประเทศ สามารถขยายผลต่อยอดเป็นต้นแบบความร่วมมือให้กับประเทศอื่น ๆ ในระดับภูมิภาคต่อไป