วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2562 เวลา 14.30 น. ณ โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร นายชูรินทร์ ขวัญทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานมอบเกียรติบัตรและปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรแนวทางการปฏิบัติงานความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
นายชูรินทร์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานราชการ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานราชการพึงมีและถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องธำรงไว้ก็คือ การรักษาวินัย ซึ่งถือเป็นการควบคุมความประพฤติให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน กฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จึงถือเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้งานราชการสำเร็จลุล่วงตามภารกิจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมาย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ยังมีความเข้าใจในข้อกฎหมาย ขั้นตอน วิธีการในการดำเนินการ ไม่ชัดเจน ไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จะส่งผลให้การดำเนินการทางละเมิดไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจทำให้การดำเนินการนั้นเสียไป
นายชูรินทร์ กล่าวต่อไปว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรแนวทางการปฏิบัติงานความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 22 – 26 กรกฎาคม 2562 มีผู้เข้าอบรมจำนวน 130 คน จากทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการ ใช้กฎหมาย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติงานด้านความรับผิดทางละเมิด จากสำนักงานศาลปกครอง และกองละเมิดและแพ่ง กรมบัญชีกลาง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติความรับผิดทางละเมิด ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ มุ่งการปลูกจิตสำนึกและตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ กฎหมาย และนำไปปฏิบัติ รวมไปถึงรับทราบแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปปรับใช้ ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะมุ่งสร้างจิตสำนึกและตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในระเบียบ และกฎหมาย เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงาน ให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงาน อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการและเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และประชาชนเป็นสำคัญ นายชูรินทร์ กล่าวในตอนท้าย