Key Highlights
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค. หดตัว 31%YoY หลังจากขยายตัว 0.30%YoY ในเดือนก่อน เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 26 เดือน จากการหดตัวของหมวดพลังงานตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ และหมวดอาหารสดตามการลดลงของราคาเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ และราคาผักสดจากผลของฐานปีก่อนที่เร่งสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.66%YoY ใกล้เคียงกับเดือนก่อน ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 10 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1.60%
- Krungthai COMPASS ประเมินว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะกระทบต่อเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัด และคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5% ต่อปี ในการประชุมวันที่ 29 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ หากสงครามอยู่ในพื้นที่จำกัดบริเวณฉนวนกาซา หรือขยายวงกว้างไปยัง West Bank เลบานอน และซีเรีย จะกระทบต่อราคาน้ำมันดิบประมาณ 5-10 ดอลลาร์ฯ ต่อบาเรล ซึ่งจะกระทบอัตราเงินเฟ้อปี 2567 ค่อนข้างจำกัดโดยเฉลี่ยประมาณ 0.1-0.2pp เท่านั้น
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค. อยู่ที่ -0.31% จากหมวดพลังงานและอาหารสด
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค. ติดลบ -0.31%YoY เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 26 เดือน และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.0%[1] จากหมวดพลังงานและอาหารสดโดยราคาพลังงานกลับมาหดตัว -1.55%YoY จากค่ากระแสไฟฟ้า และราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ สำหรับราคาอาหารสดหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -2.45%YoY จากราคาเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำที่ลดลง และราคาผักสดจากผลของฐานปีก่อนที่เร่งสูงขึ้น ขณะที่ราคากลุ่มข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งขยายตัวเร่งขึ้น
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.66%YoY ใกล้เคียงเดือนก่อนที่ 0.63%YoY โดยราคาสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ และหมวดตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล เป็นต้น ขณะที่ราคาเครื่องประกอบอาหารยังหดตัวต่อเนื่องตามการลดลงของราคาน้ำมันพืช และเครื่องปรุงรส ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 10 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1.60% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.41%
Implication:
- Krungthai COMPASS ประเมินว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไทยค่อนข้างจำกัด สถานการณ์สู้รบของอิสราเอลได้เพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้เร่งตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเบื้องต้นประเมินว่าการสู้รบจะอยู่ในพื้นที่จำกัดบริเวณฉนวนกาซา หรือแม้ว่าจะขยายวงกว้างไปยัง West Bank เลบานอน และซีเรีย แต่คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับสูงกว่าปกติเพียง 5-10 ดอลลาร์ฯต่อบาเรลเท่านั้น ซึ่งจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในปีนี้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 0.05pp และกระทบอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 ประมาณ 0.1-0.2pp เท่านั้น นอกจากนี้ภาครัฐของไทยยังมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นปีนี้ และได้ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลง 0.8-2.5 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 7 พ.ย. 2566 ถึง 31 ม.ค. 2567 ทำให้ผลกระทบของสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่ออัตราเงินเฟ้อภายในประเทศค่อนข้างจำกัด ซึ่งคาดว่าจะไม่เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อการดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. ในระยะข้างหน้า Krungthai COMPASS คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี ในการประชุมวันที่ 29 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้
[1] อ้างอิงจาก Reuter Polls (as of November 2023)