นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคง จับกุมแหล่งดัดแปลงและผลิตอาวุธปืนภายในโครงการเคหะชุมชนนครศรีธรรมราช 2 ว่า วันที่ 11 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เข้ามาตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเคหะจังหวัดนครศรีธรรมราช การเคหะแห่งชาติเกี่ยวกับเจ้าของบ้านเลขที่ 556/401 โครงการเคหะชุมชนนครศรีธรรมราช 2 ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเคหะจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ข้อมูลไปว่า การเคหะแห่งชาติได้โอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังดังกล่าวให้กับผู้ซื้อตั้งแต่ปี 2545 แล้วต่อมาเจ้าของบ้านนำไปให้บุคคลอื่นเช่าพักอาศัย
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12.00 น. ในขณะที่ นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าทำการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบมาว่า เป็นสถานที่ใช้ผลิตอาวุธปืนดัดแปลง Blank Gun เป็นปืนขนาด 9 มม. และ M 16 โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเคหะจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย จากการตรวจสอบเบื้องต้นภายในบ้าน พบท่อนเหล็กเพื่อดัดแปลงเป็นลำกล้องปืน แท่นกลึง อุปกรณ์การเชื่อม กล่องและวัสดุกันกระแทกเพื่อส่งให้ลูกค้า นอกจากนี้ มีกล้องวงจรปิดติดตั้งรอบบ้าน ภายในห้องติดวัสดุป้องกันเสียง ในขณะตรวจค้นไม่เจอผู้กระทำความผิด เบื้องต้นอยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ตนได้รายงานให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) รับทราบแล้ว ซึ่ง รมว.พม. มีความห่วงใยผู้อยู่อาศัยในโครงการเคหะชุมชนนครศรีธรรมราช 2 และมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีรวมทั้งเน้นย้ำให้สำนักงานเคหะจังหวัดนครศรีธรรมราชเร่งประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราชเข้ามาตรวจลาดตระเวนในโครงการฯ ให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังเป็นการป้องปรามการเกิดเหตุอาชญากรรมในชุมชนอีกด้วย