นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในระยะนี้และจากมติที่ประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายจากภัยแล้งเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ป้องกันความเสียหายจากปัญหาขาดแคลนน้ำที่จะเกิดขึ้น กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ทราบปริมาณสถานการณ์น้ำ โดยเร่งสำรวจข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและภาวะฝนทิ้งช่วง พร้อมจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ (War Room) จังหวัดเพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ และวางแผนการช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร ผ่านกลไกของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด (Chief of Operation : CoO) และคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับอำเภอ (Operation Team : OT) พร้อมวางแผนช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง และเตรียมการวางแผนระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาวะที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ โดยแนะนำวิธีการดูแลรักษาพืชในภาวะแห้งแล้งฝนทิ้งช่วงประกอบกับแนะนำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อยทดแทนการเพาะปลูกข้าวในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2562
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้แจ้งเตือนเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืช ให้มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร หรือหากเป็นเกษตรกรรายใหม่ให้มาขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ปลูก หรือศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) หรือสถานที่อื่นที่มีความเหมาะสมโดยด่วนที่สุด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ให้บริการต่อไป อย่างไรก็ตามเกษตรกรรายเดิมสามารถปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชั่น Farmbook ส่วนการจัดทำข้อมูลสถานการณ์เนื้อที่เพาะปลูกและเนื้อที่เสียหายผ่านระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร (รต.) ได้เร่งรัดให้จัดส่งกรมส่งเสริมการเกษตรทราบ ภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 และปรับปรุงข้อมูลทุกวันอังคารของสัปดาห์
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2561 โดยเร็ว และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และกรอบระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ (เร่งด่วน) ที่กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วันต่อไป ทั้งนี้ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ คือ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ก่อนเกิดภัย และช่วยเหลือเกษตรกรตามจำนวนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจริง ทั้งนี้ไม่เกิน 30 ไร่ อัตราการช่วยเหลือด้านพืช แบ่งเป็น ข้าว อัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่น ๆ อัตราไร่ละ 1,690 บาท
…………………………………………….
นาฏสรวง อินทร์แก้ว : ข่าว, กรกฎาคม 2562
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร