นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร เสริมสมรรถนะผู้นำหน่วยดับไฟป่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 จำนวน 1 รุ่น ระหว่างวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2562 จัดโดยส่วนควบคุมไฟป่า สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคกลาง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ด้านทฤษฎีการควบคุมไฟป่า ควบคู่ไปกับการฝึกทักษะการปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง และได้รับวิทยาการใหม่เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน เพิ่มประสบการณ์ และความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบด้วย ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาทุกสาขา หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า จำนวน 13 ศูนย์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่า จำนวน 133 สถานี และหัวหน้ากองอำนวยการควบคุมไฟป่าพระราชวังไกลกังวล 1 กองอำนวยการ รวมทั้งสิ้น 168 คน เป็นการดำเนินการฝึกอบรมให้มีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพและปลอดภัย
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวอีกว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ให้ความสำคัญกับงานด้านดับไฟป่าอย่างยิ่ง เนื่องจากภารกิจงานดับไฟป่าและแก้ปัญหาหมอกควันเป็นภารกิจงานที่สำคัญในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นงานที่หนักและเสี่ยงอันตรายมาก การที่จะให้ภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น จำเป็นต้องมีผู้นำหน่วยดับไฟป่าที่มีความรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานดับไฟป่า ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญคือความพร้อมของร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน ที่ต้องมีความพร้อมอยู่เสมอสามารถประสาน สั่งการ และควบคุมเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะต้องมีการถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและปฏิบัติงานในปีถัดไป ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ผู้นำหน่วยดับไฟป่า นำไปสู่การปฏิบัติงานดับไฟป่าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งให้สามารถสั่งการและมอบหมายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การเป็นผู้นำเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ว่าเป็นศาสตร์ก็เพราะว่าการเป็นผู้นำจำเป็นต้องใช้ฐานความรู้ทางวิชาการที่หลากหลายมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำ ที่ว่าเป็นศิลป์ก็เพราะว่าการเป็นผู้นำจำเป็นต้องมีการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิชาการ และวิทยาการใหม่ๆมาบูรณาการให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ เพราะสภาพการณ์ในสถานการณ์ความเป็นจริงการปฏิบัติงานภารกิจดับไฟป่านั้น ไม่มีอะไรที่แน่นอนตายตัว เราต้องใช้เทคนิคกลยุทธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีการสั่งสมความรู้และประสบการณ์ มาใช้ปฏิบัติงานและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดังนั้นความรู้และประสบการณ์ที่ท่านได้รับในครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งแห่งองค์ความรู้และศิลปะที่จะนำมาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากในการปฏิบัติงานภารกิจดับไฟป่า อีกทั้งผู้นำต้องศึกษาและเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาตัวเอง และผมเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะได้ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อยอดการปฏิบัติงานในฐานะผู้นำองค์กรดับไฟป่าต่อไปในอนาคต”นายจงคล้ายกล่าว
สำหรับพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตร เสริมสมรรถนะผู้นำหน่วยดับไฟป่าฯ ในวันที่ 23 ก.ค.62 นายจงคล้าย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ให้แนวทางการปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าแก่ผู้นำหน่วยดับไฟป่าเพิ่มเติมว่า “นับว่าเป็นสิ่งน่ายินดียิ่ง สำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมในภาพรวมถูกทำลายลงอย่างรุนแรงและกว้างขวาง เกิดการผันแปรของสภาพภูมิอากาศ ช่วงฤดูแล้งมักมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นและความแห้งแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้นทำให้ไฟป่ามีความรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีการฝึกทบทวนเพิ่มเติมองค์ความรู้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องทั้งภาคทฤษฎีและทักษะในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมให้กับหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามในสังกัดสำนักป้องกัน ปราบปราบ และควบคุมไฟป่า เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ สามารถปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีคุณภาพออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปและจะเป็นส่วนสำคัญในการป้องกัน และรักษาทรัพยากรป่าไม้ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป”