กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าขับเคลื่อน Soft Power ไทย นำคณะผู้แทนการค้าบุกโปรโมตในตลาดสหรัฐฯ เปิดกิจกรรม Pop Up Store นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยโชว์ที่ย่าน SOHO มอบตรา Thai SELECT ร้านอาหารไทยเพิ่มอีก 10 แห่ง และจัดมือห้าง H-Mart จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอาหารไทย ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ สนใจเพียบ เผยยังได้หารือกับมูลนิธิไทยเธียเตอร์ฟาวน์เดชั่น หนุนละครเวทีไทย ดันคนไทยเข้าบอร์ดเวย์ พร้อมถกผู้นำเข้าผู้กระจายสินค้ากล่อมซื้อสินค้าไทยเพิ่ม
นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ผลการเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 17–25 กรกฎาคม 2566 ว่ากรมฯมีเป้าหมายในการจัดคณะผู้แทนการค้าในครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อน Soft Power ของไทยในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ร้านอาหารไทย และละครเวทีไทย เพื่อให้ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯได้รู้จักซื้อสินค้าและเข้ามาใช้บริการซึ่งจะช่วยผลักดันให้ Soft Power ไทยสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น สำหรับกิจกรรมสำคัญ กรมได้เปิด Pop Up Store ภายใต้โครงการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์เชิงรุกเพื่อสร้างกระเสนิยมแบบมหภาค (Megatrend Setter) ณ ย่าน SOHO นิวยอร์ก ซึ่งเป็นย่านการค้า เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและผู้นำไลฟ์สไตล์ที่สำคัญของโลก เพื่อส่งเสริมและผลักดันสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย เช่น ของตกแต่งบ้าน กลุ่มแฟชั่น และเครื่องประดับให้เป็นที่รู้จัก และขยายการส่งออกเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น โดยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ และคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมยังได้มอบประกาศนียบัตร Thai SELECT แก่ร้านอาหารไทย จำนวน 10 ร้าน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์นี้เป็นร้านอาหารรสชาติไทยแท้ใช้วัตถุดิบไทย และตกแต่งร้านแบบไทย รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้อาหารไทยและสินค้าไทย และช่วยในการส่งเสริมให้อาหารไทยและสินค้าไทยให้ได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันในสหรัฐฯมีร้านอาหาร Thai SELECT จำนวน 425 ร้าน และเฉพาะนิวยอร์ก มี 73 ร้าน
ขณะเดียวกัน ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ต (In-Store Promotion) ณ ห้างสรรพสินค้า H-Mart เพื่อแนะนำและกระตุ้นการบริโภคอาหารไทยโดยได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก คาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 25 ล้านบาท โดยปัจจุบัน H-Mart มีทั้งหมด 74 สาขา ใน 14 รัฐ มีมูลค่าการขายในปีที่ผ่านมาประมาณ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 61,200 ล้านบาท นำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศเกาหลี จีน ไต้หวันและไทย โดยบริษัทนำเข้าสินค้าจากไทยประเภทน้ำกะทิ อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง และเครื่องปรุงรส ประมาณปีละ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 272 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมได้พบปะหารือกับผู้นำเข้า ผู้ประกอบการ และผู้กระจายสินค้าไทยรายใหญ่ในนครนิวยอร์กหลายราย ได้แก่ บริษัท Driscoll Foods เป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหาร ได้แก่ ข้าว ผักและผลไม้กระป๋อง อาหารทะเลแช่แข็ง และผลไม้สด บริษัท Food Gusto Inc เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอาหาร อาทิ ข้าว อาหารแช่แข็ง สินค้าในหมวด Grocery ตลอดจนเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวต่างๆ โดยนำเข้าข้าว อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และอาหารแปรรูปจากไทย บริษัท Vasinee Food Corporation ที่เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้าอาหารไทยและอาหารเอเชีย บริษัท Bangkok Market เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้าอาหารไทย สินค้าหลัก คือ ข้าวหอมมะลิ แบรนด์ Elephant Brand ซึ่งได้ขอให้ผู้นำเข้าทั้ง 4 บริษัทนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยเพิ่มขึ้น โดยทั้ง 4 บริษัท ได้ตอบรับคำเชิญเข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Thaifex และ Thaifex Horec 2024 เพื่อ sourcing สินค้าอาหารไทยเพิ่มเติมต่อไป และพร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจของกรม
นางอารดา กล่าวว่า กรมยังได้หารือกับมูลนิธิไทยเธียเตอร์ฟาวน์เดชั่น หรือ Thai Theatre Foundation (TTF) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มีเป้าหมายในการสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งแก่ละครเวทีไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยกรมฯ พร้อมสนับสนุน TTF ในการส่งเสริมคนไทยในวงการบรอดเวย์ รวมถึงพร้อมสร้างโอกาส soft power ไทยในสหรัฐฯ ส่วนบริษัทอื่น ๆ กรมได้หารือกับ Andres Aquin (Fashion Expert) Couture Fashion Week NY ซึ่งมีประสบการณ์ออกแบบสินค้าแฟชั่นและบริหารงานด้านการตลาดให้กับสินค้าแฟชั่นระดับบน ตลอดจนเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสร้างงาน Couture Fashion Week New York ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วง New York Fashion Week ของทุกปี โดยงานดังกล่าวเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างในวงการแฟชั่นระดับโลก ซึ่ง Mr.Andres ให้ความสนใจกับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างมาก พร้อมตอบรับคำเชิญ เข้าเยี่ยมชมงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair 2023 ในเดือนกันยายนนี้ และหารือกับบริษัท Nakamol ที่เดิมมีร้านค้าขนาดเล็กจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับในเมืองชิคาโก และได้เริ่มขยายเครือข่ายการจำหน่ายและการผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำในสหรัฐฯ อาทิ Anthropology , Johnny was , Von maur และห้างชั้นนำ เช่น Nordstrom , Neiman Marcus เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทมีร้านจำหน่ายสินค้า 4 แห่ง คือ ที่ชิคาโก นิวยอร์ก และไทย โดยบริษัทฯ ยินดีที่จะให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและเป็นวิทยากรให้กับกรมฯ เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าเครื่องประดับในประเทศไทย
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169