กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว ช่วยแม่น้ำชีแห้งขอดบริเวณ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมวอนทุกภาคส่วนต้องช่วยกันประหยัดน้ำอย่างจริงจัง ลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากสภาพของแม่น้ำชี บริเวณแพตาพลู ทะเลร้อยเอ็ด และสะพานข้ามแม่น้ำชี บ.วังยาว ต.พลับพลา อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด มีสภาพแห้งขอดจนสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ เนื่องจากมีปริมาณฝนตกน้อย ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำชีตอนล่างน้อยตามไปด้วย โดยปัจจุบันเขื่อนลำปาว มีน้ำในอ่างฯเพียง 558 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 458 ล้าน ลบ.ม. เท่านั้น ในขณะที่พื้นที่นอกเขตชลประทานทั้งสองฝั่งแม่น้ำชี เกษตรกรยังคงมีความต้องการใช้น้ำเพื่อทำการเพาะปลูกในช่วงฤดูฝนเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้แก้ปัญหาในเบื้องต้น ด้วยการเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว ผ่านอาคารระบายน้ำ(River Outlet) ลงสู่ลำปาว ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำชีตามลำดับ วันละ 0.80 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่ 5 ก.ค. 62 เป็นต้นมา โดยจะระบายน้ำในอัตรานี้ไปจนกว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีจะเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนร้อยเอ็ด จากวันละ 0.26 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 0.35 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วานนี้(11 ก.ค. 62) คาดว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีบริเวณที่แห้งขอด จะเริ่มดีขึ้นโดยลำดับในระยะต่อไป
สำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน พร้อมกับประสานแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทยอยเพาะปลูกข้าวตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือเกษตรกรให้ใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภคให้มากที่สุด รวมถึงได้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือ ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือได้ทันทีอีกด้วย
กรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
12 กรกฎาคม 2562