เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เวลา 17.00 น. นายเขมชาติ จิวประสาท ผู้ตรวจราชการกรมประมง พร้อมด้วยคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ว่าที่เรือโทประจักษ์ สาธุธรรม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลตราด ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส เบ้าตาแตก และท่อน้ำตาฉีกขาด จากเหตุปฏิบัติหน้าที่เข้าจับกุมเรือคราดหอยลายไม่มีทะเบียนซึ่งถือเป็นเรือไร้สัญชาติลักลอบทำการประมงในเขตหวงห้ามพื้นที่จังหวัดตราด โดยขณะนี้แพทย์ได้ทำการผ่าตัดต่อท่อน้ำตาให้แล้ว และยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดตราด
นายเขมชาติ จิวประสาท หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมประมง เปิดเผยว่า อธิบดีกรมประมงมีความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้ตนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 10,000 บาท ซึ่งเป็นงบสวัสดิการของกรมประมง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเรือประมงที่กระทำความผิดพร้อมกลางที่ยึดได้ณ ที่ทำการกำนันตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
ด้านว่าที่เรือโทประจักษ์ สาธุธรรม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลตราด ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ได้รับแจ้งจากเครือข่ายผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือ ชปพ.ประมง ว่ามีเรือคราดหอยลายไร้สัญชาติลักลอบเข้าไปทำการคราดหอยลายในเขตหวงห้าม ซึ่งห่างจากฝั่งทะเลไม่เกิน 5 กิโลเมตร บริเวณหน้าอ่าวกรูด ตำบลอ่าวใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดตราด จึงได้นำเรือออกไปจับกุม แต่ผู้กระทำผิดได้ขัดขืน ตนจึงกระโดดจากเรือตรวจการประมงลงไปยังเรือคราดหอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว และลูกเรือจำนวน 4 คน รุมทำร้ายร่างกายจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และถูกจับโยนลงทะเล เจ้าหน้าที่เรือตรวจการประมงได้ช่วยกันพาขึ้นเรือ ส่วนเรือคราดหอยลำดังกล่าวแล่นหนีไป และนำเรือของกลางไปจอดทิ้งไว้ที่ป่าชายเลน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตามหาจนเจอในภายหลัง และได้นำเรือของกลางไปฝากไว้ที่ทำการกำนันตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราดทั้งนี้ ก่อนหน้า 1 คืน เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะเดียวกันไปแล้ว ซึ่งผู้กระทำผิดหลุดรอดไปได้แต่เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางไว้ได้
หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้กรมประมงได้ประสานกับทางตำรวจในพื้นที่เพื่อเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 ในฐานความผิดที่ 1 คือใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง ฐานความผิดที่ 2 คือทำการประมงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานความผิดที่ 3 คือการใช้เครื่องมือประมงพาณิชย์ในเขตทะเลชายฝั่ง นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานต่อสู้ขัดขืนการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ และฐานพยายามฆ่าพนักงานเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน
อย่างไรก็ตาม กรมประมงขอขอบคุณเครือข่าย ชปพ.ประมงในพื้นที่ ในการช่วยเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลการทำประมงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยความเสียสละ และเสี่ยงอันตรายเพื่อรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องถิ่นของตนด้วยความหวงแหน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสการลักลอบกระทำความผิด ซึ่งกรมประมงในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องทำการกวาดล้างให้หมดไปในทุกพื้นที่เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำ
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์