ส่งออกผักผลไม้ไทยไปจีนได้ประโยชน์เต็มๆ จากเอฟทีเอ ฟันมูลค่าส่งออก 5 เดือนแรกปี 62 กว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยความตกลงเอฟทีเออาเซียน-จีน ดันมูลค่าส่งออกสินค้าผักและผลไม้ไทยไปจีนขยายตัวก้าวกระโดด 5 เดือนแรกของปี 62 ฟันยอดส่งออกกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สินค้าพืชผักและผลไม้ของไทยถือเป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญที่ได้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับจีน (ACFTA) ซึ่งมีผลให้จีนยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าผักและผลไม้ของไทยทุกรายการตั้งแต่ปี 2546 นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างข้อได้เปรียบและขยายโอกาสทางการค้าให้กับเกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าผักผลไม้ไทยอย่างมาก ทั้งนี้ ตั้งแต่ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ การส่งออกผักและผลไม้ไปจีนของไทยขยายตัวถึงร้อยละ 1,312 โดยในปี 2561 ไทยส่งออกผักและผลไม้ไปจีนรวม 1,927.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ของปี 2562 สินค้าผักและผลไม้ไทยไปตลาดจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่าการส่งออก 1,199.69 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึงร้อยละ 31

นางอรมน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาแยกรายสินค้าพบว่า การส่งออกสินค้าพืชผักของไทย ครองอันดับ 1 ในจีน โดยในปี 2561 การส่งออกสินค้าพืชผักของไทยมีมูลค่า 909.58 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว ถึงร้อยละ 784 เมื่อเทียบกับก่อนที่ความตกลงฯ จะมีผลบังคับใช้ และ ในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ของปี 2562 การส่งออกพืชผักของไทยไปจีนมีมูลค่า 361.08 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญคือมันสำปะหลัง คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 96 รองลงมาคือพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว และผักแห้ง เช่น เห็ดหูหนู ตามลำดับ นอกจากนี้ สินค้าผลไม้ไทย ถือเป็นอีกสินค้าหนึ่งที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตสูง โดยในปี 2561 ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนมูลค่า 1,017.73  ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับที่ 3 รองจากฮ่องกงและชิลี ซึ่งขยายตัวถึงร้อยละ 2,841 เมื่อเทียบกับก่อนที่ความตกลงฯ และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ของปี 2562 การส่งออกผลไม้ไทยไปจีนมีมูลค่า 838.61 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึงร้อยละ 123  โดยทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุดถึงร้อยละ 48.54 รองลงมาคือลำไย มังคุด และมะพร้าวอ่อน เป็นต้น

นางอรมน เสริมว่า ตลาดจีน เป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อและจำนวนประชากรสูงถึง 1.4 พันล้านคน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าผักและผลไม้กับจีนมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเทียบกับก่อนที่ความตกลง ACFTA มีผลใช้บังคับพบว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าผักผลไม้กับจีนอยู่เพียง 100.22 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับจีนถึง 854.75 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ปัจจุบันประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยและจีนให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงมีการกำหนดระบบสุ่มตรวจสินค้าผักและผลไม้นำเข้าที่พรมแดนจะต้องผ่านมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐานกระบวนการจัดการคุณภาพเกษตรกรที่ดี (GAP) มาตรฐานการประเมินความเสี่ยงเรื่องแมลงศัตรูพืช/ปริมาณสารเคมีตกค้าง และมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) เป็นต้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการส่งออกผักผลไม้ของไทยไปจีน จึงขอให้เกษตรกรและผู้ประกอบไทยที่จะส่งออกผักผลไม้ไปจีนให้ความสำคัญกับการผ่านมาตรฐานต่างๆ ข้างต้น รวมทั้งการขึ้นทะเบียนสวน และโรงคัดบรรจุผลไม้ที่จะส่งออกเพื่อตรวจสอบย้อนกลับได้ในกรณีที่พบปัญหา” นางอรมน กล่าว

——————————-

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์