พาณิชย์’ เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ปั้นผู้ประกอบการชุมชนให้เป็นมืออาชีพ

กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากต่อเนื่อง พัฒนาผู้ประกอบการโอทอปชุมชนสู่ความเป็นมืออาชีพ เจาะกลุ่มผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์โอทอป 3 – 5 ดาว ต่อยอดความแข็งแกร่ง พร้อมจับกระแสสังคมสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเชิงสร้างสรรค์เอาใจตลาด เน้นความแปลกใหม่ มีความร่วมสมัย กระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าโดยเฉพาะผู้บริโภครุ่นใหม่ เชื่อ!! สินค้าดีมีคุณภาพ…แต่ไม่มีตลาด-ขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี…ก็ไปไม่รอด

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอปของไทยให้มีความเข้มแข็งเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล โดยเร่งดำเนินการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางการตลาดทุกระดับอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลักดันให้ผลิตภัณฑ์โอทอปสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองพฤติกรรมวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ เป็นการกระจายสินค้า/เพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น และสร้างความรู้จักสินค้ามากขึ้น”

“ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ต่อยอดการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์โอทอปอย่างต่อเนื่อง โดยจัดกิจกรรม “พัฒนาช่องทางการตลาดและรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ OTOP Select เชิงสร้างสรรค์” เป็นการพัฒนารูปแบบและเสริมสร้างศักยภาพทางการตลาดรูปแบบใหม่แก่ผลิตภัณฑ์โอทอป 3 – 5 ดาว ส่งเสริมให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเชิงสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์โอทอปไทยสู่ตลาดสากล และเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ เน้นนโยบายการตลาดเพื่อการท่องเที่ยว (Tourism Marketing) ใช้การตลาดนำการผลิต และผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด (Demand Driven) สร้างอัตลักษณ์ประจำถิ่นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้ง กระจายผลิตภัณฑ์โอทอปที่ได้คัดสรรแล้วไปจำหน่ายยังสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ฯลฯ เพื่อขยายตลาด กระตุ้นยอดขาย สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างการจดจำให้แก่ผู้บริโภค”

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางการค้า ในรูปแบบคลัสเตอร์รายพื้นที่และกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การประกอบธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการส่งต่อเทคโนโลยีและกลุ่มลูกค้าระหว่างกันเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น นอกจากนี้ จะสร้างโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้นโดยการเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการจัดงานแสดงสินค้า (Event Marketing) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้การเข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งการเจรจาและการออกร้าน ขณะเดียวกัน ได้มีการผลักดันให้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า รวมถึงนำการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ และการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการตลาดออนไลน์ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ และทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน สอดรับกับกระแสบริโภคนิยมที่คนรุ่นใหม่มักใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้า โดยเฉพาะการทำการประชาสัมพันธ์และการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค ไลน์ ฯลฯ ที่สามารถเข้าถึงตัวผู้บริโภคได้ใกล้ชิดมากขึ้น”

“การพัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมตลาดและวิถีชีวิตยุคใหม่ การสร้างโอกาสทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสามารถกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการเชื่อมโยงสู่วิถีชุมชนในแต่ละพื้นที่ การสร้างภาพลักษณ์สินค้าเพื่อกระตุ้นการรับรู้ผลิตภัณฑ์ มีการสื่อสารทางการตลาดแบบครบวงจร สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์ และทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภคของกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ รับรู้ และพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โอทอปของไทยไปใช้อุปโภค/บริโภคในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเกิดความภักดีต่อตัวผลิตภัณฑ์ พร้อมที่จะกลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายผลิตภัณฑ์โอทอปโดยรวม ผลักดันให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม สินค้าดีมีคุณภาพต้องได้รับโอกาสในการขยายตลาดและมีตลาดรองรับ รวมถึง ต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่ดีเพื่อสร้างการจดจำ ซึ่งจะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคด้วยเช่นกัน” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร : 0 2547 5950 สายด่วน 1570 และ e-Mail : otop.dbd@gmail.com และ www.dbd.go.th

******************************************

ที่มา : กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน