วันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 น. ที่ ห้องเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ โรงแรมลพบุรีอินน์ รีสอร์ท ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนาประสิทธิภาพเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล ให้เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยมี นายเชาวลิต แย้มประสงค์ อัยการจังหวัดลพบุรี นายมานพ วงษ์พรไพโรจน์ รองอัยการจังหวัดชัยบาดาล รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทั้ง 11 อำเภอ ปลัดอำเภอ พนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม กว่า 150 คน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ได้ตระหนัก เข้าใจบทบาท และสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 รวมถึงนโยบายที่เกี่ยวข้อง และสามารถอำนวยความเป็นธรรม คุ้มครองประชาชนทุกคน จากการกระทำทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย ได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ประเทศไทยได้ประกาศใช้บังคับ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยกระดับ การคุ้มครองสิทธิมนุษย์ชนในประเทศไทย ให้เทียบเท่าสากลและสอดรับกับหลักการ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้นจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการนำภารกิจของรัฐ และนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์และดูแลให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นธรรมในสังคม จึงได้จัดทำ โครงการพัฒนาประสิทธิภาพ ฯ ในครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนงาน ตามนโยบายรัฐบาล ในการอำนวยความเป็นธรรม ให้กับประชาชน คุ้มครองประชาชนทุกคนจากการกระทำทรมาน การ กระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกัน ปราบปรามและเยียวยาผู้เสียหาย และเสริมสร้างสมรรถนะ พัฒนาศักยภาพ ให้พนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดลพบุรี ให้มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน