อธิบดี พช. เยี่ยมชมลสำเร็จ “โคกหนองนา” บางละมุง และโรงงาน OTOP 5 ดาว “เปาเหล่ากง” และติดตามงานพัฒนาชุมชนในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี

วันที่ 15 มิถุนายน 2566 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 กลุ่มนกยูง ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลง โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน (แปลง ว่าที่ร้อยตรี สุวีระ พ่วงอ่อน) โดยมี ร.ต.อ. เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและพัฒนาชุมชน นางสาวชุดากานต์ กำจัดภัย พัฒนาการจังหวัดชลบุรี นายประดิษฐ์ นัดทะยาย เลขานุการกรม เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดชลบุรี และภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ร่วมกิจกรรมฯ ณ บ้านห้วยลึก หมู่ที่ 1 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ตั้งแต่ปี 2549 โดยการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านกระบวนการสร้างและพัฒนาผู้นำชุมชน เพื่อให้เข้าใจแนวพระราชดำริและขับเคลื่อนกิจกรรมการพัฒนาหมู่บ้านให้มีระบบการบริหารจัดการชุมชนแบบบูรณาการที่เข้มแข็ง และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากชุมชนให้มั่นคง โดยสอดคล้องกับภูมิสังคมที่แต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันของปัจจัยพื้นฐานด้านศักยภาพ วิถีชีวิต วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยเป็นการบริหารจัดการน้ำและปรับปรุงพื้นที่ด้วยรูปแบบ “โคก หนอง นา” เป็นการนำหลักทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาผสมผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำให้เกิดพื้นที่ทำกินและพื้นที่ใช้ประโยชน์ ทำให้หมู่บ้าน/ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น สามารถพึ่งตนเองได้ มีอาชีพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มีความสุขเพิ่มขึ้น และมีหนี้ลดลง มีคลังอาหารในหมู่บ้าน มีการต่อยอดในการท่องเที่ยววิถีชุมชน มีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเป็นที่ศึกษาดูงานได้

นายอรรษิษฐ์ กล่าวต่อว่า ตัวอย่างแปลงโคก หนอง นา พัฒนาชุมชนที่มาในวันนี้ ของว่าที่ร้อยตรี สุวีระ พ่วงอ่อน เป็นตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จ มีรายได้ประจำทุกวัน ครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า กลับมาสร้างอาชีพสร้างรายได้ ณ บ้านเกิด ทำให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัว สิ่งสำคัญคือก้าวสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้หรือแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต และพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งความร่วมมือสำคัญที่สุด คือภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อน และการสร้างความยั่งยืนคือการที่ประชาชนต้องเป็นผู้ลงมือทำ และสร้างเครือข่ายช่วยเหลือกัน

ว่าที่เรือตรี สุวีระ พ่วงอ่อน เจ้าของแปลงฯ กล่าวว่า สวน Patch’garden โคกหนองนาเขาไม้แก้ว ได้เข้าร่วมโครงการ “โคกหนองนา พัฒนาชุมชน” งบเงินกู้ หรือโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคกหนองนาโมเดล” ของกรมการพัฒนาชุมชน ในปี 2563 โดยเข้าร่วมโครงการขนาด 3 ไร่ ในการขุดบ่อน้ำและคลองไส้ไก่ เพื่อให้พื้นที่มีน้ำเพียงพอต่อการทำการเกษตรผสมผสาน เกษตรปลอดภัย โดยลูกสาวที่เรียนจบวิศวกรเครื่องกล ตัดสินใจลาออกจากงาน ก้าวตามพ่อ สร้าง ต่อยอดจากสิ่งที่รัก ปลูกผักสลัดขาย เปิดร้านกาแฟน้ำมะพร้าว เป็นนายตัวเอง ทำอย่างมีความสุขครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ครอบครัวอบอุ่น สร้างคลังอาหาร สร้างความมั่นคง ส่งต่อลูกหลาน ปัจจุบันมีผลผลิตจากสวนออกสู่พี่น้องในชุมชน ทำให้เกิดรายได้ต่อเดือนประมาณ 40,000-50,000 บาท

ต่อจากนั้น อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนและคณะได้เดินทางไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP เปาเหล่ากง ซึ่งเหล่ากงเหลี่ยงเพียว แซ่คู ได้เดินทางจากเมืองจีนในประเทศไทยเริ่มต้นทำมาหากินที่จังหวัดชลบุรีอาศัยวิชาความรู้การทำซาลาเปาออกขาย ตั้งแต่ปี พ.ศ 2464 ซึ่งในปัจจุบันได้ใช้ชื่อแบรนด์เป็นเปาเหล่ากง โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เลือกใช้แต่วัตถุดิบเกรด (หมูเกรด A พริกไทยจันทบุรี ไข่ไก่เกรด A และแป้งสูตรพิเศษ) ซึ่งคงความเป็นสูตรเฉพาะและคงความโบราณทำให้แป้งนุ่มไม่ติดฟัน และผลิตภัณฑ์มีหลากหลายรูปแบบหลากหลายรสชาติ อาทิ ซาลาเปาไส้หมูสับ ซาลาเปาไส้หมูแดง ขนมจีบกุ้งทะเล ซึ่งกลุ่ม OTOP เปาเหล่ากงนั้น ยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยการจ้างแรงงานในชุมชน ใช้วัตถุดิบหลักในชุมชน และยังมีการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำอาหารให้แก่สตรีและนักเรียนในพื้นที่อำเภอบางละมุงจังหวัดชลบุรีอีกด้วย

ต่อมาได้เยี่ยมชมกลุ่มตัดเย็บบ้านหนองหินตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีที่ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีประเภทเงินทุนหมุนเวียน ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มจำนวน 6 คน โดยรวมกลุ่มกันเพื่อรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้ามาเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี โดยปัจจุบันได้ตัดเย็บเสื้อนักเรียนเสื้อเชิ้ตและกระเป๋า มีลูกค้าและสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในชุมชนได้แก่โรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองหนองปรือและประชาชนทั่วไป รวมทั้งในตำบลและอำเภอใกล้เคียง ซึ่งกลุ่มตัดเย็บบ้านหนองหินปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อคน 6,000-7,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีอาชีพมีรายได้ สามารถอยู่ในชุมชนได้อย่างพอเพียงโดยไม่ต้องไปรับจ้างทำงานต่างพื้นที่