ไทยและมาเลเซียตกลงร่วมกัน ที่จะใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E) แบบลงลายมือชื่อและใช้ประทับตราด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal: ESS) ภายใต้ FTA อาเซียน – จีน (ACFTA) สำหรับการส่งออกไปมาเลเซีย แทนการลงลายมือชื่อและประทับตราแบบสดด้วยมือ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ โดยเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2566
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาไทยและมาเลเซียได้มีการหารือแบบทวิภาคีร่วมกัน ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อผลักดันการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศให้กับภาคเอกชน และผลการหารือเป็นที่น่ายินดีกับภาคเอกชนเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงร่วมกันว่าจะนำเอาระบบการลงลายมือชื่อและประทับตราด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal: ESS) มาใช้กับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E) ภายใต้กรอบ FTA อาเซียน – จีน (ACFTA) สำหรับการส่งออกและนำเข้าสินค้าจากมาเลเซียแทนแนวปฏิบัติปัจจุบันที่ใช้วิธีการลงลายมือชื่อและประทับตราแบบสดด้วยมือ ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียได้ตกลงที่จะใช้ระบบ ESS ในการออก Form E โดยให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ ESS ว่า การใช้ระบบ ESS เครื่องพิมพ์จะพิมพ์ลายมือชื่อและตราประทับของผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือรับรองฯ ออกมาจากเครื่องพร้อมกับข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งจะปรากฏบนหนังสือรับรองฯ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติ ผู้ประกอบการสามารถเดินทางมารับเอกสารเพื่อนำไปใช้สิทธิประโยชน์ฯ ที่ประเทศปลายทาง โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อและประทับตราแบบสดบน Form E ซึ่งที่ผ่านมาภายใต้กรอบ ACFTA มีการใช้ระบบ ESS ในการออกหนังสือรับรองฯ Form E สำหรับการส่งออกไปจีนเท่านั้น (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564) โดยมาเลเซียจะเป็นประเทศภาคี ACFTA ลำดับที่สองที่ใช้ระบบดังกล่าว สำหรับประเทศภาคีอื่นภายใต้ ACFTA กรมการค้าต่างประเทศจะผลักดันการใช้ระบบ ESS อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถใช้ ESS กับประเทศภาคีอื่น ๆ ได้ต่อไป ทั้งนี้ การออก Form E รูปแบบ ESS จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออกในขั้นตอนการออกหนังสือรับรองฯ และลดอัตราการถูกศุลกากรประเทศปลายทางตรวจสอบความถูกต้องของลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงนาม โดยในปี 2563 – 2565 มีมูลค่าการขอใช้สิทธิ Form E สำหรับการส่งออกไปมาเลเซียประมาณ 113 ล้านบาท
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ภายในปี 2566 คต. มีเป้าหมายจะเปิดใช้งานระบบการออกหนังสือรับรองฯ รูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่าระบบ SMART C/O ซึ่งถือเป็นการปลดล็อคให้ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า รูปแบบ ESS ณ สถานที่ทำการของตนเองได้ จึงอยากให้ผู้ประกอบการติดตามข่าวสารจากกรมฯ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสามารถสอบถามได้ที่ เบอร์โทร 02 547 4819 หรือ สายด่วน 1385 หรือ Line Official Account (@gsp_helper)