วธ.เผยผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ขึ้นห้างเฟสแรกติดกระแส ผลไม้อบแห้ง – เครื่องหอมจากสมุนไพร เสียงตอบรับดีเกินคาด พร้อมส่งออกเป็นสินค้า Soft Power 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ส่งเสริม Soft Power ความเป็นไทยหลากหลายสาขาให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และวธ. มีนโยบายสู่ “กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ” ภายใต้แนวคิด วัฒนธรรมทำดี ทำงาน ทำเงิน ส่งเสริมสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงได้มีโครงการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากทุนทางวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand หรือ CPOT ที่เน้นในเรื่องของการปรับโฉมให้มีภาพลักษณ์ร่วมสมัย และตอบโจทย์ผู้บริโภค ล่าสุด วธ. ร่วมกับกลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอก อินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาด CPOT ร่วมกันขยายช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็นที่รู้จักระดับสากลนั้น

นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สาระสำคัญของความร่วมมือเป็นการส่งเสริมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ CPOT ให้เป็นที่รู้จักสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 พอสังเขป ดังนี้ ร่วมมือกันส่งเสริมโครงการ/กิจกรรมและองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ร่วมมือกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางที่มีอยู่ และร่วมมือสนับสนุนพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งหลังเปิดตัว CPOT ที่ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์  สาขาราชดำริ ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 เป็นที่น่ายินดีว่ามีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติสนใจผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT อย่างต่อเนื่อง ทำให้การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่วงเดือนแรก นำร่องจำนวน 30 สาขาระหว่างวันที่ 3 – 25 เมษายน 2566 มีผลิตภัณฑ์จากชุมชนขายดีมากที่สุด ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง (แบรนด์ โรโซช่ะ ROZOCHA) จากจังหวัดนนทบุรี อาทิ ทุเรียน มะม่วง  รองลงมาได้แก่ เครื่องหอมจากสมุนไพร (แบรนด์ เรือบุญ) จากจังหวัดสระบุรี อาทิ น้ำมันเย็นดอกไม้ เซตเครื่องหอมจากดอกไม้และสมุนไพร สเปรย์กันยุงตะไคร้หอม และก้านหอมปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ CPOT กำลังขยายตลาดนำผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องใช้ ของตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้าอีกด้วย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน หลังเปิดประเทศจากวิกฤตโควิด เบื้องต้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมียอดรายได้รวมกว่าล้านบาท นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการ ชุมชนเป็นอย่างยิ่ง

รมว.วธ. กล่าวต่อไปว่า ขอขอบคุณทางภาคเอกชน กลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอก อินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ที่ร่วมมือในการพัฒนา CPOT สู่ช่องทาง Modern Trade ได้สำเร็จ ถือเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ช่วยเหลือชุมชนและผู้ประกอบการให้ได้พัฒนาการผลิต และมีแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็พยายามค้นหาสินค้าขายดีเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวส่งออก Soft Power ไทยออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งจากการจำหน่ายสินค้าที่บิ๊กซีที่ผ่านมาจะเห็นว่าสินค้ายอดนิยมของชาวต่างชาตินั้น ต้องมีความอร่อย ต้องมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง วธ. กำลังศึกษาช่องทางการตลาดช่องทางอื่นๆ โดยเฉพาะทางออนไลน์เพิ่มเติม เพื่อเป็นการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมายตรงกับ CPOT เพิ่มขึ้น หากท่านใดสนใจอุดหนุนสินค้าจากชุมชน CPOT สามารถเลือกชมและช้อปได้ที่ www.cpotshop.com และ Facebook CPOT