“เลนส์แว่นตา” สินค้าน่าจับตามอง ใช้สิทธิ GSP ส่งออกสหรัฐฯ

กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และนอร์เวย์ ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของปี 2566 มูลค่ารวม 496.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยตลาดสหรัฐฯ ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ใช้สิทธิมาก สูงถึง 457.82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ที่ไทยได้รับในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช มีมูลค่ารวม 496.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ สูงถึง 52.36% โดยตลาดที่ไทยมีการใช้สิทธิ GSP ส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่า 457.82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 91.61% ของมูลค่าการส่งออกรวมที่ใช้สิทธิ GSP

สำหรับการใช้สิทธิ GSP ในการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ สินค้าครองแชมป์อันดับ 1 ยังคงเป็นส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ แต่สินค้าที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามองไม่แพ้กัน คือเลนส์แว่นตา ซึ่งมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 19.95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวสูงถึง 132.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสหรัฐฯ มีการนำเข้าเลนส์แว่นตาจากไทยมากเป็นลำดับที่ 2 รองจากเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประเทศที่ได้รับสิทธิฯ จากสหรัฐฯ ด้วยกันเองแล้ว พบว่าสหรัฐฯ มีการนำเข้าเลนส์แว่นตาจากไทยมากเป็นอันดับ 1 และนอกจากนี้ยังมีสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงอื่นๆ อีก อาทิ อาหารปรุงแต่ง ถุงมือยาง กรดมะนาว หรือกรดซิทริก เป็นต้น

สำหรับโครงการ GSP อื่นๆ ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง อาทิ ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเครื่องดื่ม (สวิตเซอร์แลนด์) เพชรพลอยรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ (สวิตเซอร์แลนด์) กระเป๋าเดินทางด้านนอกเป็นแผ่นพลาสติกหรือวัตถุทอ (สวิตเซอร์แลนด์) อาหารปรุงแต่งอื่นๆ ข้าวโพดหวาน (นอร์เวย์) และสูทของสตรีหรือเด็กหญิงทำด้วยขนแกะหรือขนละเอียดของสัตว์ (นอร์เวย์) เป็นต้น

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าโครงการ GSP สหรัฐฯ ได้สิ้นสุดอายุไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนการต่ออายุโครงการฯ ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าที่เคยได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ จะต้องชำระภาษีในอัตราปกติ (MFN rate) ไปจนกว่าโครงการฯ จะได้รับการต่ออายุ แต่เพื่อเป็นการรักษาสิทธิฯ ผู้นำเข้าสามารถยื่นขอใช้สิทธิ GSP ในการนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ โดยที่ ผ่านมาสหรัฐฯ จะทำการคืนภาษีเมื่อโครงการฯ ได้รับการต่ออายุแล้ว

หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทรสายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี “@gsp_helper”