วันที่ 29 เมษายน 2566 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน มอบหมายให้นายโอวาท ทองบ่อมะกรูด ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติภารกิจกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เดินทางกลับประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน
นายไพโรจน์ กล่าว่า ผู้เดินทางทั้ง 135 คน เดินทางกลับในเที่ยวบิน A340-500 (เที่ยวบินที่ 2) ถึงประเทศไทยเมื่อคืนวันเสาร์ เวลา 23.05 น. แบ่งเป็นคนสัญชาติไทย 132 คน สัญชาติจีน 2 คน และสัญชาติอินโดนีเซีย 1 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทยที่ไปทำงาน จำนวน 12 คน โดยแจ้งการเดินทางด้วยตนเองและไม่ได้สมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 2 คน และไม่ได้แจ้งการเดินทางไปทำงานผ่านกรมการจัดหางาน จำนวน 10 คน นอกนั้นเป็นคนไทยที่ไปศึกษาต่อและคนไทยที่มีครอบครัวในสาธารณรัฐซูดาน จำนวน 120 คน เจ้าหน้าที่จึงแนะนำช่องทางการหางานผ่านกรมการจัดหางาน ซึ่งให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ที่แพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” สำหรับผู้ประสงค์จะทำงานในระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย รวมทั้งให้คำแนะนำการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมาย และการสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกองทุนฯ สำหรับแรงงานและกลุ่มนักศึกษาหากมีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศภายหลังที่สำเร็จการศึกษาแล้ว
ด้านนายโอวาท ทองบ่อมะกรูด ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กล่าวว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน ห่วงใยแรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน (เที่ยวบินที่ 2) จึงมอบหมายตนร่วมให้ความช่วยเหลือ แนะนำภารกิจของกรมการจัดหางาน และช่องทางการรับบริการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแรงงานไทย พร้อมเน้นย้ำให้คนหางานไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศตระหนักและให้ความสำคัญในการส่งเงินเข้ากองทุนฯ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด หากเกิดเหตุไม่คาดคิด หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากกองทุนฯ มี 9 กรณี ดังนี้
1. กรณีถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นให้สมาชิกได้เดินทางกลับประเทศไทยตามที่จ่ายจริง ได้แก่ ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นโดยให้จ่ายตามที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
2. กรณีประสบอันตรายก่อนไปทำงานหรือขณะทำงานในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
3. กรณีถูกเลิกจ้างจากสาเหตุประสบอันตราย สงเคราะห์คนละ 15,000 บาท
4. กรณีประสบอันตรายจนพิการสงเคราะห์คนละ 15,000 บาท ทุพพลภาพ สงเคราะห์คนละ 30,000 บาท
5. ประสบปัญหาในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น ตามที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
6. ถูกส่งกลับเนื่องจากเป็นโรคต้องห้าม กรณีทำงานไม่ถึงหกเดือน สงเคราะห์คนละ 25,000 บาท ทำงานมากกว่าหกเดือน สงเคราะห์ 15,000 บาท
7. กรณีประสบปัญหาจากภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด สงเคราะห์คนละ 15,000 บาท
8. กรณีเสียชีวิตก่อนเดินทางหรือขณะกลับมาพักที่ประเทศไทย สงเคราะห์จำนวน 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท
9. สมาชิกกองทุนถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดซึ่งมิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนาในต่างประเทศ หรือเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำงาน ให้จ่ายเป็นค่าทนายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศและต้องการสมัครสมาชิกกองทุน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 02 245 6710 -11 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน