นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา (อ.ศน.) เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายส่งเสริมงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่มุ่งเน้นให้สถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังค่านิยมที่พึงประสงค์พัฒนาให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเป็นคนดี มีคุณธรรมและจริยธรรม เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
โดยเฉพาะการปลูกฝังเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอน ความแตกต่างในวิถีชีวิต ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งในรอบแต่ละปีที่ผ่านมา กรมการศาสนาได้นำเยาวชนเข้าร่วมการอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ในหลักสูตรพื้นฐาน
เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนาที่ตนนับถือและต่างศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยในปี 2566 นี้ ได้ปรับรูปแบบการจัดอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์เพื่อยกระดับการสร้างผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเยาวชนด้านศาสนาเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืน
จึงได้จัดกิจกรรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ โดยออกแบบและพัฒนาหลักสูตรผู้นำ ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับสังคม ซึ่งจะช่วยสร้างให้เยาวชนมีความศักยภาพและมีความพร้อมเป็นผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ใน จำนวน 9 หน่วย ได้แก่
1. กิจกรรมปฐมนิเทศ
2. เรียนรู้สู่มิตรภาพ
3. การพูดและการสื่อสารในที่สาธารณะ
4. บุคลิกภาพ ที่ผู้นำควรนำมาใช้
5. คุณธรรมที่ผู้นำต้องมี
6. ภาวะผู้นำด้านศาสนิกสัมพันธ์ สู่ความเป็นผู้นำต้นแบบ
7. การเขียนโครงการ เพื่อนำไปใช้
8. การนำเสนอหลักปฏิบัติตามหลักคำสอน 5 ศาสนา และสิ่งที่ได้รับจากการอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์
9. การทำปฎิญญาร่วมกัน
โดยเยาวชนที่เข้าการอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ รุ่นที่ 1 เป็นการต่อยอดและเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติด้านพหุวัฒนธรรม ให้กับเยาวชนที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรขั้นพื้นฐานมาแล้ว โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์การทางศาสนาแต่ละศาสนามาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่เยาวชนถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเต็มที่ เมื่อจบการอบรมแล้วผู้ผ่านการอบรมจะได้รับเข็มเชิดชูเกียรติผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ รุ่นที่ 1 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้นำเยาวชนแต่ละคน และยังเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการศาสนาได้ให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ให้แก่เยาวชนแต่ละศาสนาได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่าง เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง และดำเนินการจัดอบรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์มาตลอดทุกปี เว้นการอบรมไปช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับคุณสมบัติของเยาวชนที่เข้าร่วมค่ายผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ รุ่นที่ 1 ต้องมีอายุระหว่าง 13-18 ปี เป็นเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกมาจากองค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ ที่กรมการศาสนาให้การรับรอง อาทิ
องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สำนักจุฬาราชมนตรี สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย สภาคริสตจักรในประเทศไทย สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ มูลนิธิคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสแห่งประเทศไทย สำนักพราหมณ์พระราชครู ในสำนักพระราชวัง สมาคมฮินดูสมาช สมาคมฮินดูธรรมสภา
สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา และสมาคมนามธารีสังคัตแห่งประเทศไทย โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 28 เมษายน 2566 ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ เมื่อการอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ รุ่นที่ 1 เสร็จสิ้นลงแล้ว เยาวชนเหล่านี้จะเป็นผู้นำที่มีความรู้ความเข้าใจในความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม มีบุคลิกภาพและทักษะการพูดหรือสื่อสารหรือมีภาวะการเป็นผู้นำได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมที่จะเป็นเครือข่ายด้านศาสนา และสามารถต่อยอดการเรียนรู้หรือสร้างแรงบันดาลใจในการอบรมครั้งนี้ให้กับเยาวชนรุ่นถัดไปที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ เป็นคนดี คนเก่งและคนมีคุณภาพ และเป็นบุคลากรสำคัญในการขับเคลื่อนด้านศาสนาในสังคมพหุวัฒนธรรมต่อไปในอนาคต