GPSC โชว์ความสำเร็จ หนึ่งในหลักทรัพย์ยั่งยืน คว้า ESG100 ประจำปี 2562 ในกลุ่มทรัพยากรจากสถาบันไทยพัฒน์ รักษาตำแหน่งดัชนียั่งยืน 4 ปีซ้อน ขึ้นชั้นเป็นบริษัทสร้างผลการดำเนินงานโดดเด่น ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ตามหลักธรรมาภิบาล
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ GPSC ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในหลักทรัพย์จดทะเบียนติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2562 ในกลุ่มทรัพยากร (Resource) จากสถาบันไทยพัฒน์ และยังเป็นบริษัทที่อยู่ในทำเนียบ ESG100 ติดต่อกัน 4 ปีอย่างต่อเนื่องตั้งปี 2559 จากการคัดเลือกหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 771 หลักทรัพย์
ทั้งนี้การได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ สะท้อนให้ความโดดเด่นด้านการดำเนินกิจการและการดูแลบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ตามหลักธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) ถือเป็นเครื่องการันตีถึงความมุ่งมันที่จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับความใส่ใจการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
“ESG100 นับเป็นดัชนีที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพ และได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป” นายชวลิตกล่าว
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ ถือเป็นผู้ดำเนินการและริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่อง 5 ปี
ข้อมูลเกี่ยวกับ GPSC
GPSC ถือหุ้นโดย บมจ.ปตท. (PTT) ในสัดส่วน 22.6% บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 22.7% บมจ.ไทยออยล์ (TOP) 8.9% บจ. ไทยออยล์ พาวเวอร์ (TP) 20.8% และนักลงทุนทั่วไป 25%
GPSC แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยปัจจุบัน มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) รวมประมาณ 4,986 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 2,876 ตันต่อชั่วโมง น้ำเย็นรวมประมาณ 15,400 ตันความเย็น และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมรวมประมาณ 7,372 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง