รองเลขาธิการ UN ชื่นชมกระทรวงมหาดไทยน้อมนำแนวพระดำริเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ “หมู่บ้านยั่งยืน” และ Fashion Sustainability มุ่งขับเคลื่อนขยายผล Best Practice บ้านโก่งธนู-ดอนกอย สู่หมู่บ้านยั่งยืนทั่วประเทศ พร้อมยกย่องการขับเคลื่อนตามแนวพระดำริสอดคล้องเป้าหมาย SDGs ที่มีคุณภาพ พร้อมจับมือเป็น Partnership เดินหน้าเผยแพร่เป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่น ๆ ในเวทีสหประชาชาติต่อไป
วันที่ 26 มีนาคม 2566 เวลา 09:00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ให้การต้อนรับ คุณอาร์มิดา ซัลเซีย อาลีเชียบานา รองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติและเลขาธิการบริหารคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และคณะผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่บ้านเกาะหมู่ที่ 5 และวัดญาณเสน ตำบลโก่งธนู ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยมี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี สกลนคร ปัตตานี พัทลุง คณะที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก คณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะอุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่ายให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยและภาคีเครือข่ายในทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ 7,255 ตำบล 75,058 หมู่บ้าน น้อมนำแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หมู่บ้าน” ให้เป็นหมู่บ้านที่ยั่งยืน ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อความเท่าเทียม และการพัฒนาที่ยั่งยืน” อันเป็นความมุ่งมั่น (Commitment) ที่ต้องการให้เกิดการ Change for Good ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้ง 65 ล้านคนให้สำเร็จก่อนเป้าหมายที่ทุกประเทศสมาชิก UN ตั้งเป้าไว้ในปี 2573
ซึ่งพื้นที่บ้านเกาะ หมู่ที่ 5 ตำบลโก่งธนู ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรีแห่งนี้ เป็นพื้นที่ต้นแบบการบริหารจัดการชุมชนเพื่อความยั่งยืนและเป็นภาคีเครือข่าย (Partnership) ของกระทรวงมหาดไทย ในการบูรณาการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. 2573 (2030 Agenda for Sustainable Development) โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” และด้วยพระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงน้อมนำเอาสิ่งที่เป็นความสำเร็จของตำบลโก่งธนู คือ ความมั่นคงด้านอาหาร และน้อมนำพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเรื่องของการนำเอาภูมิปัญญาผ้าไทย มาส่งเสริมก่อให้เกิดรายได้เพิ่ม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยพระราชทาน “โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก” และทรงเชื้อเชิญดีไซเนอร์และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะทำงาน และขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมมือกับ UN เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนได้บริหารจัดการขยะดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น ทุกครัวเรือนได้คัดแยกขยะโดยคัดแยกขยะเปียก (Food Waste) เพื่อลงสู่ถัง “ขยะเปียกลดโลกร้อน” ซึ่งเป็นแนวคิดของ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย
คุณอาร์มิดา ซัลเซีย อาลีเชียบานา กล่าวว่า ได้เห็นการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งระหว่าง UN ในประเทศไทยและกระทรวงมหาดไทยเพื่อเร่งพัฒนาตามเป้าหมาย SDGs โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำการพัฒนาในจังหวัด ซึ่งในการดำเนินการพัฒนาด้านต่าง ๆ ที่ครอบคลุม ยืดหยุ่น และแฝงไปด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้เข้าใจการทำงานในระดับท้องถิ่น ยกระดับประเทศไทยสู่เวทีระดับภูมิภาค ด้วยผลงานที่โดดเด่นในมิติของ SDGs ข้อต่าง ๆ ที่ประเทศอื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ ทั้งเรื่องความมั่นคงด้านอาหารที่ยั่งยืนและการคัดแยกขยะในระดับครัวเรือน ทำให้มีคาร์บอนเครดิตกว่า 530,000 ตัน นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับการประเมินระดับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของการผลิตผ้าไทย และวิธีการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตของผ้า ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป อันจะส่งผลให้เกิดการก้าวกระโดดไปสู่การผลิตผ้าไทยในรูปแบบสีเขียวและได้รับการยอมรับในระดับโลกต่อไป
จากนั้นรองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติพร้อมคณะยังได้ติดตามพระกรณียกิจโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ที่ทรงฟื้นฟูการทอผ้าแบบโบราณ ฟื้นฟูการย้อมสีธรรมชาติ การใช้เส้นใยธรรมชาติ โดยมีกลุ่มทอผ้าต้นแบบจาก 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ กลุ่มมีดีนาทับ กลุ่มผลิตผ้าบาติก จ.สงขลา รางวัลเหรียญทองแดง การประกวดผ้าลายพระราชทานที่ขยายโอกาสให้นักเรียนจากการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เข้ามาฝึกอาชีพสร้างรายได้ จากลายผ้าพระราชทานภาคเหนือ กลุ่มตะเคียนปม อำเภอทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ที่ฟื้นฟูการปลูกฝ้าย เข็นฝ้าย ฟื้นฟูการปลูกฮ้อม และย้อมสีธรรมชาติจากฮ้อม ภาคอีสาน จาก Donkoi Sustainability Village โครงการที่พระราชทานเป็นต้นแบบหมู่บ้านยั่งยืน ภาคกลาง กลุ่มเยาวชนทอผ้าจากอำเภอเนินขาม จ.ชัยนาท ที่ได้รับพระราชทานแนวทางการพัฒนาสีจากหนังสือเทรนด์บุค มาฟื้นฟูภูมิปัญญาสีธรรมชาติจากบรรพบุรุษ ซึ่งทาง UN เรียกโครงการเหล่านี้ว่า Fashion Sustainability ที่เกิดจากแนวพระดำริทั้งระบบเพื่อสร้างความยั่งยืนรอบด้าน ในการนำประสบการณ์ด้านแฟชั่นส่วนพระองค์ มาพระราชทานให้กับประชาชน ก่อให้เกิดรายได้และการพัฒนาอย่างยั่งยืน