นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการที่การแสดง “โนรา” ของไทยได้ประกาศขึ้นทะเบียนโนรา จากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2564 เป็นที่น่ายินดีว่าขณะนี้ UNESCO ได้ร่วมเผยแพร่รูปภาพโนราของไทยพร้อมติดแฮชแท็กWe are #LivingHeritage ขึ้นเผยแพร่บนหน้าเฟสบุ๊กของ UNESCO (https://www.facebook.com/unesco) ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปทั่วโลก สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั่วประเทศเป็นอย่างมาก “โนรา” เป็นศิลปวัฒนธรรมของไทย ศิลปะการแสดงที่มีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นภาคใต้ ผสมผสานในเรื่องความเชื่อ พิธีกรรม ศิลปะการแสดงเพื่อความบันเทิง ตลอดจนเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์สวยงาม โดยภาพโนราใน เฟสบุ๊กของ UNESCO มีชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าไปร่วมชื่นชมแสดงความยินดี แล้วร่วมกันเผยแพร่ภาพดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ เมื่อปี 2564 “โนรา” ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโนรา จาก UNESCO ให้เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ อย่างเป็นทางการ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการประกาศขึ้นทะเบียนลำดับที่ 3 จาก โขน และ นวดไทย อีกทั้ง “โนรา” ถือเป็น Soft Power ที่ไทยมุ่งผลักดันให้เกิดการต่อยอดและขับเคลื่อนในเชิงมิติของวัฒนธรรม ที่ผ่านมา วธ. ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริม “โนรา” ทั้งการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินโนราในฐานะศิลปินแห่งชาติ จัดให้มีเวทีการแสดงและถ่ายทอดภูมิปัญญาโนราในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ล่าสุด “นิตยสาร TIME” https://time.com/collection/worlds-greatest-places-2023 สื่อดังระดับโลกได้มีการจัดอันดับ World’s Greatest Places 2023 หรือ “สุดยอดสถานที่ของโลก” ประจำปี 2023 เป็นการเสนอชื่อสถานที่ที่ได้จากเครือข่ายในแวดวงการท่องเที่ยว ทั้งผู้สื่อข่าวและผู้สนับสนุนในประเทศต่างๆ ผลปรากฏว่า มีสถานที่ในประเทศไทยก็ติดอันดับในลิสต์มา 2 แห่งจากทั้งหมด 50 แห่ง ได้แก่
1. ภาคอีสาน (ไม่ได้เจาะจงจังหวัด) โดย นิตยสาร TIME ได้อธิบายถึงเหตุผลพอสังเขปว่า เป็นภูมิภาคขนาดใหญ่ที่สุดในไทย โดยตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีเมนูอร่อยสุดคลาสสิกอย่าง “ส้มตำ” และ “ลาบ” เป็นอาหารรสเปรี้ยวเผ็ดและหอมอบอวลไปด้วยสมุนไพร นอกจากนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจอย่าง “ปราสาทเขาพนมรุ้ง” เป็นต้น.
2.เกาะภูเก็ต นิตยสาร TIME ได้อธิบายเหตุผลว่า เป็นจังหวัดท่องเที่ยวของไทยที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมุ่งหน้าไปเยือนมากที่สุด ซึ่งเหมาะกับทุกคนในครอบครัว นอกจากจะมีทะเลและชายหาดที่สวยงามระดับโลกแล้ว ภูเก็ตยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่เฉพาะตัว อาหาร ที่พักหลากหลายกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม แหล่งท่องเที่ยวในเมืองเก่าที่นำเสนอเทศกาลดั้งเดิมและงานตลาดนัดที่พบเจอได้ทั่วเกาะ โดยสถานที่ 2 แห่งของไทยเป็น 50 “สุดยอดสถานที่ของโลก” ประจำปี 2023 ร่วมกับ ประเทศโดมินิกา ,เมืองบาร์เซโลนา สเปน , อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน (Torres del Paine) ชิลี, ลาดักห์ (Ladakh ) อินเดีย ,เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill) Manitoba แคนาดา , เมืองออร์ฮุส (Aarhus) เดนมาร์ก และ เมืองเกียวโต ญี่ปุ่น เป็นต้น