วันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 น. ที่ วัดญาณเสน ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี จิตอาสาพระราชทาน ทหารจิตอาสา เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน โดยประธานนำจิตอาสา ร่วมถวายความเคารพต่อเบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในกิจกรรม “จิตอาสาพัฒนา” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยกำลังจิตอาสาได้ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ เก็บกวาดใบไม้ ทำความสะอาดพื้นที่ โดยรอบวัดญาณเสน ตำบลโก่งธนู
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจแก่ประเทศและประชาชนนานัปการ เมื่อเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัตินั้น ได้ทรงทำนุบำรุงการ พาณิชย์นาวีและมีการติดต่อค้าขายกับนานาประเทศ จนส่งผลให้รายได้หลั่งไหลเข้ามาเป็นงบประมาณ บำรุงแผ่นดินเต็มที่ ข้าราชการได้รับพระราชทาน เบี้ยหวัดเงินเดือนเป็นครั้งแรก ทรงเพิ่มพูนรายได้ของประเทศ ด้วยการปรับปรุงระบบการเก็บภาษีอากร และได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม ที่สร้างมาตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ 1
ทรงสร้างคำภีร์พระไตรปิฎก อันเป็นหัวใจของการศึกษาพระธรรมบท ทรงเล็งเห็นว่าการศึกษาจะก่อให้เกิดความเจริญ ของบ้านเมืองและประชาชน ทรงโปรดให้จารึกความรู้นานาชนิดไว้ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ทั้งวิชาวรรณคดี ตำรายา โหราศาสตร์ การช่าง และอีกหลายแขนงวิชา เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสศึกษา จนกล่าวกันว่าวัดโพธิ์ คือมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย ส่วนการบำรุงรักษาความมั่นคงของประเทศนั้นทรงยึดหลักการรักษาศักดิ์ศรีของประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้น พระองค์จึงทรงทุ่มเทป้องกันข้าศึกที่แผ่อิทธิพลเข้ามาทำลายความสงบสุขภายในหัวเมืองในพระราชอาณาเขต ด้วยการส่งกองทัพไปปราบปราม ทรงทำลายฝิ่นซึ่งเป็นยาเสพติดร้ายแรงในสมัยนั้นให้หมดไป”