กรมทรัพยากรธรณี แถลงข่าว เตรียมพร้อมรับมือธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ในช่วงฤดูฝน

วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00 น. กรมทรัพยากรธรณี โดยศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย นายมนตรี เหลืองอิงคะสุต รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ในฐานะโฆษกประจำกรม จัดแถลงข่าวสื่อมวลชน เตรียมพร้อมรับมือธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ในช่วงฤดูฝน ณ ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี

นายมนตรี เหลืองอิงคะสุต โฆษกประจำกรม  เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณี ดำเนินการศึกษาพบว่า มีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มใน 54 จังหวัด 1,084 ตำบลทั่วประเทศ โดยดินถล่มในประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงฝนตกหนัก โดยภาคเหนือ มีโอกาสเกิดดินถล่มมากในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่าน ภาคใต้มีโอกาสเกิดดินถล่ม ช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเฉียงเหนือ มีแนวโน้มการเกิดดินถล่มน้อยกว่าภาคเหนือและภาคใต้ โดยมีโอกาสเกิดดินถล่มช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เนื่องจากอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่าน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากดินถล่มส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่บริเวณที่ราบเชิงเขา และชุมชนที่ตั้งอยู่ริมน้ำตามร่องเขาที่มวลดินเคลื่อนที่ผ่าน

พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังดินถล่ม ได้แก่ พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ โดยจากการคาดหมายสภาพอากาศในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม

เดือนมิถุนายน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ โดยพื้นที่เฝ้าระวังธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี พังงา ระนอง และจังหวัดกาญจนบุรี

เดือนกรกฎาคม ในช่วงระยะครึ่งหลังของเดือนจะมีฝนตกชุกมากขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ประกอบกับคาดว่าปริมาณฝนรวมบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมากกว่าค่าปกติ ซึ่งอาจทำให้บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ โดยพื้นที่เฝ้าระวังธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ได้แก่ – ภาคตะวันออก ในจังหวัดตราด จันทบุรี และสระแก้ว

– ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ในจังหวัดพังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี และชุมพร

– ภาคเหนือ ในจังหวัดน่าน แพร่ เพชรบูรณ์ และตาก

เดือนสิงหาคม มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีปริมาณฝนมากขึ้น บริเวณตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอาจทำให้บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ โดยพื้นที่เฝ้าระวังธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ได้แก่

– ภาคเหนือ ในจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน และตาก

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัดเลย หนองคาย และอุบลราชธานี

การเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี

1) ตรวจสอบ ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศ และสิ่งบอกเหตุก่อนเกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก จากเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย พร้อมจัดทำรายงานสภาพอากาศและธรณีพิบัติภัยประจำวัน พร้อมรายงานผ่านทางเว็บไซด์ ทธ. และผ่านระบบโทรสาร

2) ติดต่อประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย ทางโทรศัพท์ ข้อความสั้น (SMS) Application Line และ Face book เพื่อเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยง

3) ประเมินสถานการณ์พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม และออกประกาศเฝ้าระวัง

4) จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์พิบัติภัยที่เกิดขึ้น และจากการสำรวจ ตรวจสอบพื้นที่ประสบเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัย และเสนอแนวทางการจัดการ/การแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กรมทรัพยากรธรณี มุ่งเน้นการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากธรณีพิบัติภัย การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการในช่วงระยะเวลาก่อนเกิดภัยพิบัติโดยได้ดำเนินการ ดังนี้

  • กำหนดเขตพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่มจากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะธรณีวิทยาและการใช้ประโยชน์ที่ดิน และประเมินผลทางสถิติเพื่อหาความเป็นไปได้ของการเกิดดินถล่มในแต่ละพื้นที่
  • กำหนดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยจัดทำเป็นแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน ที่แสดงถึงตำแหน่งหมู่บ้านและบ้านเรือนเสี่ยงภัยที่จะได้รับผลกระทบจากดินถล่มข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย และจุดปลอดภัย เป็นต้น ครอบคลุมพื้นที่ 940 ตำบล จากพื้นที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม 1,084 ตำบลทั่วประเทศ เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนนำไปใช้ในการวางแผนการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยในชุมชนต่อไป
  • การจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทำหน้าที่เฝ้าระวังธรณีพิบัติดินถล่มในชุมชนของตน และสนับสนุนการซักซ้อมแผนการเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยที่ร่วมกันจัดทำไว้ ปัจจุบันมีเครือข่าย 35,259 ราย จาก 51 จังหวัด
  • จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการจัดการธรณีพิบัติภัยของชุมชน รวมทั้งเป็นต้นแบบขยายผลการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยสู่ชุมชนข้างเคียง
  • เฝ้าระวังสถานการณ์การเกิดพิบัติภัย ผ่านศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย
  • การดำเนินการช่วงหลังจากเหตุการณ์พิบัติภัย โดยเข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อศึกษาถึงสาเหตุการเกิด ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ผลกระทบที่เกิดขึ้น สำหรับใช้ในการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่

…. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย โทรศัพท์  0 2621 9701-5

กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม