วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 ณ ภัตตาคารไพบูลย์ไก่ย่าง อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วย นางจิราภรณ์ กองเงิน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานพิธีเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2566 โครงการ “จัดงานรวมพลังสตรีสิงห์บุรี อนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาและวัฒนธรรมพื้นถิ่น” โดยมี นายปัทพงศ์ สารบรรณ์ เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี นางอมราพร ชีพสมุทร์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายปัญญา ใช้เฮ็ง นายอำเภอเมืองสิงห์บุรี นางสาวสาวิตรี อุดมพันธ์ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ รักษาราชการแทนพัฒนาการอำเภอเมืองสิงห์บุรี นางวลัยวรรณ สุทธิโพธิ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน สตรีดีเด่นจังหวัดสิงห์บุรี คณะขับเคลื่อนฯ /คณะกรรมการพัฒนาสตรี ทั้ง 6 อำเภอ เข้าร่วมกิจกรรม
โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ
ประการที่ 1 เพื่อสนับสนุนภารกิจขององค์กรสตรีเนื่องในวันสตรีสากล
ประการที่ 2 เพื่ออนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญา วัฒนธรรมพื้นถิ่นของจังหวัดสิงห์บุรี
ประการที่ 3 เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย
ประการที่ 4 เพื่อสนับสนุนช่องทางการตลาด OTOP
นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี อ่านสารพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเนื่องในโอกาส “วันสตรีสากล” ประจำปี 2566 วันที่ 8 มีนาคม 2566 เนื่องในโอกาส “วันสตรีสากล” ประจำปี 2566 ผมขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังสตรีไทย และผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรีทุกท่านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงจำเป็นต้องอาศัยพลังและความร่วมมือร่วมใจจากพลเมืองทุกกลุ่มสตรีและเด็กหญิงซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติ รัฐบาลจึงได้มุ่งเน้นยกระดับการส่งเสริมบทบาทของสตรีทุกช่วงวัยให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในตนอย่างเต็มที่และสามารถ แสดงออกซึ่งพลังทางความคิดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนประเทศไทยในทุกมิติ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทลายข้อจำกัดของสตรี ในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในทุกวงการ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคม ดังนั้น การปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรี ตลอดจนส่งเสริมบทบาทและความเสมอภาคของสตรี โดยการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าของสตรี ในฐานะพลเมืองที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจการต่าง ๆ”
ด้านนางวลัยวรรณ สุทธิโพธิ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า “สืบเนื่องจากเดือนมีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นเดือนแห่งวันสตรีสากล เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เรียกร้องของสิทธิความเป็นธรรมจากการกดขี่แรงงานของสตรี ในยุโรปและอเมริกาเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จ เมื่อองค์การสหประชาชาติประกาศให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เป็นต้นมา ประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายองค์การสหประชาชาติ จึงร่วมรับวันสตรีสากลให้เป็นวันสำคัญของสตรีในภาคแรงงานหากย้อนไปในช่วงปี พ.ศ. 2453 ซึ่งเป็นปลายรัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ซึ่งคนไทยถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระบิดามหาราช” จะพบว่าประเทศไทยประกาศเลิกทาสมาก่อนตั้งแต่ พ.ศ. 2448 ตามพระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124 นับได้ว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตมานานถึง 117 ปีก่อนประเทศยุโรปและอเมริกาแต่สถานการณ์ของโลกปัจจุบัน ซึ่งเจริญดหน้าอย่างรวดเร็วด้านการสื่อสารจนเป็นโลกไร้พรมแดนด้านการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งมีทั้งประโยชน์และที่เป็นโทษจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกเพศวัยต้องปรับตัวให้ทันสถานการณ์โดยการแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงของสถาบันครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะผู้หญิงไทย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของสังคมในปัจจุบัน และเป็นเพศที่ถูกกำหนดโดยธรรมชาติให้เป็นผู้สืบสานความดีงาม เป็นผู้ถ่ายทอดวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม สามารถอนุรักษ์สืบสานสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่สืบไป”
บรรยากาศภายในงาน มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานขององค์กรสตรี การสวมใส่ผ้าไทยให้สนุก การจัดบู๊ทนำเสนอสินค้า OTOP และสาธิตอาหารถิ่น อำเภอเมืองสิงห์บุรีบุรี นำเสนอ ขนมจีนน้ำยาบางเลา ขนมกง และหมูทุบ พร้อมกันนี้มีการจัดการแสดงของทั้ง 6 อำเภอ โดยอำเภอเมืองสิงห์บุรีจัดการแสดงโขน
ภาพ/ข่าว : สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองสิงห์บุรี@พช.สิงห์บุรี
ติดตามเราผ่าน facebook ได้ที่
https://www.facebook.com/profile.php?id=100088412962172&mibextid=LQQJ4d
#กรมการพัฒนาชุมชน
Change for Good
“เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”