ชลประทาน ขอเข้าพบ ผู้ว่าฯอยุธยา เพื่อนำเสนอข้อมูลและแผนการดำเนินงานสำรวจออกแบบ โครงการคลองระบายน้ำหลากป่าสัก – อ่าวไทย ระยะที่ 2

วันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมมหาธาตุ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานรับฟังการนำเสนอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวข้องและแผนการดำเนินงานจ้างสำรวจออกแบบโครงการคลองระบายน้ำหลากป่าสัก – อ่าวไทย ระยะที่ 2 เวทีที่ 2 โดยมี นายสมัย ธรรมสัตย์ หัวหน้าคณะทำงานกลุ่มกิจการร่วมค้า STFIS JV กล่าวรายงานพร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากพื้นที่จังหวัดสระบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อนำเสนอข้อมูลองค์ประกอบของงานสำรวจออกแบบรายละเอียดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับนำไปใช้ในงานสำรวจออกแบบโครงการในลำดับต่อไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงเวลาที่ผ่านมา เกิดอุทกภัยในหลายครั้งส่งผลให้พื้นที่การเกษตร ชุมชน และพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมหาอุทกภัยใน ปี 2554 มีพื้นที่น้ำท่วมกว่า 20 ล้านไร่ มูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.42 ล้านล้านบาท กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการศึกษา โครงการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ปี 2555 เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงทะเลอ่าวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งจากการศึกษาพบว่า โครงการคลองระบายน้ำหลากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นโครงการที่เหมาะสม ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในภาพรวมของลุ่มน้ำได้ สามารถตัดยอดน้ำหลากที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาได้สูงถึง 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ด้วยการพัฒนาควบคู่ไปกับการปรับปรุงคลองชัยนาท ร่วมกับ การก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากแนวใหม่แม่น้ำป่าสัก-อ่าวไทย โดยในปี 2564 กรมชลประทาน ได้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบคลองระบายน้ำป่าสัก-อ่าวไทย ระยะที่ 1 ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2566 นี้ และ ในปี 2565 – 2567 กรมชลประทาน ได้มอบหมายให้กิจการร่วมค้า STFIS JV ให้ดำเนินการงานสำรวจ ออกแบบ โครงการคลองระบายน้ำหลากป่าสัก-อ่าวไทย ระยะที่ 2 ช่วง กม.0+000 ถึง กม.81+000 ในบริเวณพื้นที่ ต.เริงราง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ต่อเนื่องกับระยะที่ 1 พื้นที่ ต.สิงโตทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา รวมประมาณ 81 กิโลเมตร มีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 720 วัน นับจากวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ครอบคลุมพื้นที่ 26 ตำบล 9 อำเภอ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สระบุรี จ.ปทุมธานี จ.นครนายก และ จ.ฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ หากดำเนินการโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยลดการเกิดปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก สร้างความเชื่อมันให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ มีแหล่งเก็บกักน้ำเก็บกักไว้ใช้เพื่อการเกษตร การอุปโภค-บริโภค นอกจากนี้ยังมีถนนเลียบคลองทั้งสองข้างทำให้มีความสะดวกมากขึ้นในการเดินทาง การขนส่งผลผลิตทางการเกษตรที่รวดเร็วขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในพื้นที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ใกล้เคียง สร้างความมั่นใจในการลงทุนและการพัฒนาศักยภาพพื้นที่อีกด้วย

ข่าว : ประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา