ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ.2003 (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage 2003) ของยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2560- 2565 ไทยได้เสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อขอขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จำนวนทั้งสิ้น 5 รายการ คือ โขน (พ.ศ.2561) นวดไทย (พ.ศ. 2562) โนรา (พ.ศ. 2564 ) สงกรานต์ในประเทศไทย (จะพิจารณาในปี 2566 ) และต้มยำกุ้ง (จะพิจารณาในปี2568) โดย รายการ โขน นวดไทย และ โนราได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโกแล้ว โดยคาดว่า รายการสงกรานต์ในประเทศไทย จะได้รับการประกาศในปี 2566 นี้ เป็นรายการต่อไป
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม เร่งยื่นเสนอรายการ ผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ไปยังยูเนสโก ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566 (ตามเอกสารแนวทางการอนุวัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Operational Directives for the implementation of the Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) หัวข้อที่ 1.15 กำหนดให้รัฐภาคียื่นเสนอรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จำเป็นต้องดำเนินการภายในเดือนมีนาคมของทุกปี)
ดังนั้น จึงได้นำเสนอเข้าในวาระการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้เพื่อให้พิจารณาซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เสนอผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ พร้อมเห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในเอกสารที่จะเสนอต่อยูเนสโกในฐานะตัวแทนประเทศไทย
สำหรับสาระสำคัญของการนำเสนอ ผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ต่อยูเนสโกคือ ผ้าขาวม้า เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้ประกาศขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี พ.ศ. 2556 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ผ้าขาวม้าเป็นผ้าที่ทอโดยใช้เทคนิคที่เรียบง่าย มักทอเป็นลายตารางหรือลายแถบที่มีสีสัน มีการย้อมสีและสามารถทอใช้ได้เองในครัวเรือน ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และคนหนุ่มสาว อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตได้อย่างหลากหลาย มีการใช้งานสารพัดประโยชน์ทั้งในชีวิตประจำวัน และในประเพณีพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของชีวิต ตลอดจนเป็นของกำนัล แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นไทย
โดยมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาที่สืบทอดมาอย่างยาวนานโดยส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งในครอบครัว ในโรงเรียน ในศูนย์ทอผ้าของชุมชนในท้องถิ่นและมีการพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้สอยและสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ผ้าขาวม้ามีความสอดคล้องกับลักษณะของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ตามนิยามในอนุสัญญาฯ ใน 3 ลักษณะ กล่าวคือ
1. การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมงานเทศกาล
2. ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล และ
3. งานช่างฝีมือดั้งเดิม และสอดคล้องกับเกณฑ์ประเภทรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ของยูเนสโก
ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีแผน จะเสนอรายการผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกโดยคาดว่าจะได้รับการพิจารณาต่อจากรายการ ต้มยำกุ้ง ซึ่งคาดว่าประมาณปี พ.ศ.2570