วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.30–12.00 น. ณ ห้องประชุม 10 – 01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม กรุงเทพฯ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงานการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน (MOU) ระหว่าง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
โดยมี นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลงนามร่วมกับ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และมี นางสุจิตรา แก้วไกร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายพุฒิพงษ์ เลิศสถิต รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พันตำรวจโทธัญญะ ระย้า ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยาน และ นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต ร่วมลงนาม ในฐานะพยาน
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลง ฯ (MOU) ดังกล่าว เพื่อบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่มีภารกิจด้านคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมีความร่วมมือดังนี้
1. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เห็นว่าคดีใดสมควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครอง ให้มีหนังสือประสานงานการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน พร้อมรายละเอียดพฤติการณ์แห่งความไม่ปลอดภัย รวมทั้งระบุรายชื่อพยาน ที่จะให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ ไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ หากกรณีจำเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองทางโทรศัพท์ โทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด
2. กำหนดให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยสำนักงานคุ้มครองพยาน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ โดยกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต เป็นหน่วยประสานงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน
3. หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้เป็นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยค่าใช้จ่ายและวิธีการเบิกจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2565
4. การรายงานผลการดำเนินงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน สถิติเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความคุ้มครองพยาน ข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้ดำเนินการไปแล้วให้สำนักงานคุ้มครองพยานทราบทุก 6 เดือน
5. การปฏิบัติและประสานงานในกรณีเรียกคืน หรือชดใช้ค่าตอบแทนหรือค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน หากปรากฏในภายหลังว่าพยานไม่มา ไม่ให้ถ้อยคำ หรือไม่เบิกความเป็นพยาน โดยไม่มีเหตุสมควร หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษพยานในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล หรือความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในคดีที่บุคคลนั้นเป็นพยาน ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพทราบโดยเร็ว
6. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้การสนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ ในการจัดส่งบุคลากรเข้าร่วมการฝึกอบรมหลักสูตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน หรือหลักสูตรอื่นที่เกี่ยวข้อง
การบังคับใช้บันทึกข้อตกลงให้ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป