วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุม “มหกรรมวิชาการฟ้าใส 2566” ครั้งที่ 13 (Hybrid Conference) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการควบคุมยาสูบ โดยมี ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า การควบคุมการบริโภคยาสูบ ด้วยการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งผ่านการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันนอกจากบุหรี่มวนแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงนั้น คือ บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งกำลังแพร่หลายในกลุ่มเด็กและเยาวชน ทำให้เด็กและเยาวชน เริ่มต้นอยากลองสูบบุหรี่เร็วขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 80,000 คน และในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี และมีประชาชนจำนวนมากยังไม่ทราบว่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติด ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอดอักเสบเฉียบพลันด้วย
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่กำลังพยายามผลักดัน ให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นของถูกกฎหมาย และมีการลักลอบนำเข้า จึงได้ให้กรมควบคุมโรคสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ บังคับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทย นอกจากจะใช้กฎหมายในการป้องปรามแล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องทำควบคู่กันไปคือ การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ป้องกันการเกิดความนิยมในการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้า และทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กเยาวชนเพิ่มขึ้น และเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทดแทนบุหรี่แบบปกติ และไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก
“ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคขับเคลื่อนให้คนไทยตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากโรค และสร้างสังคมไทยให้ปลอดบุหรี่อย่างยั่งยืน ขอยืนยันในเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ไม่สนับสนุนการนำเข้า จำหน่าย รวมถึงการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ขอให้มั่นใจ เพราะไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะสามารถสนับสนุนได้ สำหรับกฎหมายที่จะนำมาใช้จำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้า นั้น ขณะนี้ได้พยายามเร่งผลักดันร่างกฎกระทรวงให้ครอบคลุมในรายละเอียดทั้ง ห้าม จำหน่าย จ่าย แจก ห้ามนำเข้า ห้ามใช้ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีที่จะบรรจุเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป นอกจากนี้ในฐานะที่ตนเป็นประธานบอร์ด สปสช. พร้อมที่จะผลักดันตามข้อเรียกร้องแพทยสภา ในการบรรจุยาเลิกบุหรี่ให้ครอบคลุมในระบบหลักประกันสุขภาพ” นายอนุทินกล่าว