จุรินทร์ หารือรองผู้ว่าไห่หนาน ทำส่งออก 65 โต 66.8% สร้างเงินร่วมหมื่นล้าน เตรียมรุก!เซินเจิ้น-ยูนนานต่อยอดความสำเร็จ

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แถลงภายหลังหารือกับรองผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน นายเสิน ตันหยาง (Mr. Shen Danyang) ที่ห้องรับรองชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ท่านรองผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน หรือไหหลำ ดร.เสิน ตันหยาง และยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการสามัญพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้าพบตนซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ไห่หนาน ที่เป็นรูปธรรมที่สุดล่าสุด คือ การทำมินิเอฟทีเอระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับมณฑลไห่หนานของจีน เมื่อ 20 ส.ค. 64 ซึ่งปัจจุบันไทยมีมินิเอฟทีเอกับเมืองหรือมณฑลสำคัญ 7 ฉบับและอนาคตจะมีเพิ่มอีก 6 ฉบับ คาดว่าจะสำเร็จทั้งหมดจะลงนามโดยเร็วที่สุด ประเด็นหารือ

ประเด็นที่หนึ่ง ท่านรองผู้ว่าการฯเชิญไทยร่วมงาน HAINAN EXPO วันที่ 11-15 เม.ย. นี้ ตนตอบรับเราเข้าร่วมแล้ว 2 ครั้ง ช่วงหลังติด Zero Covid ของจีน ปีนี้จะส่งผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอย่างน้อย 20 ราย

ประเด็นที่สอง มณฑลไห่หนานเชิญกระทรวงพาณิชย์ไทยตั้งสำนักงานการค้าเพื่อโปรโมทสินค้าที่มณฑล ตนแจ้งว่ากระทรวงพาณิชย์มีทูตพาณิชย์ที่กวางโจวดูแลในส่วนมณฑลไห่หนาน แต่อนาคตเมื่อมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็นไปได้ที่จัดตั้งสำนักงานที่ไห่หนาน

ประเด็นที่สาม ท่านแจ้งทิศทางเดินหน้านำมณฑลไห่หนานสู่การเป็นเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนาน (Hainan Free Trade Port) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต การพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่หนึ่งลดภาษีสินค้านำเข้าเป็นศูนย์บางรายการ เริ่มที่วัตถุดิบในปี 2021 ขั้นต่อไปจะพัฒนาเป็นลำดับ จนตั้งเป้าให้ไห่หนานเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดติดลำดับโลก

นายจุรินทร์ ได้ขอให้ไห่หนานสนับสนุน 6 ประเด็น

ประเด็นที่หนึ่ง อยากต่อยอดมินิเอฟอีเอ ให้มีพัฒนาการยิ่งขึ้นโดยเร็ว เพิ่มมูลค่าการค้าที่ผ่านมาได้จัดเจรจาการค้าซื้อขายสินค้า 4 ครั้ง จัดสัมมนาผู้ประกอบการร่วมกัน 3 ครั้ง และประชุมร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 ฝ่าย ทำให้มูลค่าส่งออกไทยไปไห่หนานปี 65 เพิ่มขึ้น 66.8% ไทยส่งออกไปไห่หนาน 10,465 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น ยางพารา ผลไม้ เคมีภัณฑ์และสินแร่ เป็นต้น

ประเด็นที่สอง เสนอให้จัดเจรจาซื้อขายสินค้าระหว่างกันบ่อยขึ้น มากขึ้น

ประเด็นที่สาม ให้แลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน

ประเด็นที่สี่ เสนอให้ไห่หนานอำนวยความสะดวกให้สินค้าไทยอยู่ในร้านปลอดภาษีของไห่หนาน ท่านรับช่วยดำเนินการและแนะนำสินค้ากลุ่มแฟชั่น เครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวันจะเป็นที่สนใจของลูกค้า

ประเด็นที่ห้า เชิญมณฑลไห่หนานส่งนักธุรกิจร่วมงานแสดงสินค้าไทย 5 งาน

– งาน STLYE Bangkok

– งาน TAPA เกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์

– งาน THAIFEX-ANUGA ASIA ด้านอาหาร

– งาน TILOG ด้านโลจิสติกส์

– งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ

ประเด็นที่หก เสนอกำหนดเจ้าหน้าที่ 2 ฝ่ายเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างศูนย์ RCEP Center ของไทย กับศูนย์ Business Service ของไห่หนาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน

“การพบปะกันวันนี้เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งสำหรับอนาคตที่จะสร้างเงินให้กับทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับไห่หนาน ปี 65 มีมูลค่า 18,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% หลังมีมินิเอฟทีส่งออกเพิ่มขึ้น 66.8% มูลค่า 10,465 ล้านบาท ซึ่งจีนยังเป็นตลาดสำคัญของไทย ที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แม้มีแรงเสียดทานการส่งออกที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อ และอื่นๆ ตนคิดว่าเราต้องให้ความสำคัญกับจีนในฐานะประเทศคู่ค้าสำคัญต่อไป ซึ่งตั้งเป้าตลาดจีน ส่งออกในปีนี้บวก 1% และสำหรับจีนเรามีมินิเอฟทีเอกับไห่หนานและกานซู่ และกำลังจะมีกับเซินเจิ้นในอีกไม่กี่วันและกับยูนนานต่อไป “ นายจุรินทร์กล่าว