นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทยอย่างยั่งยืน ตลอดจนการเผยแพร่ Soft Power ความเป็นไทยสู่ระดับนานาชาติ ล่าสุดเตรียมจัดโครงการวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูต ณ จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเผยแพร่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และและอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ซึ่งกำลังนำเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก รวมถึงมีจังหวัดหนองบัวลำภูซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียง มีชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร และสถานที่สำคัญทางศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ ที่สำคัญเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คณะทูตานุทูต แลกเปลี่ยนองค์ความรู้การจัดการแหล่งมรดกโลกและแหล่งมรดกวัฒนธรรม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจะมีการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญในจังหวัดอุดรธานี อาทิ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บ้านเชียง อำเภอหนองหาน (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง พิพิธภัณฑ์ไทพวนบ้านเชียง และสถานที่จัดกิจกรรม อาทิ กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี / แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์จากแหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน / กลุ่มทอผ้าย้อมครามธรรมชาติลายก้นหอย ผ้าย้อมโคลน และกลุ่มจักสาน) และจังหวัดหลวงบัวลำภู อาทิ กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ชุมชนบ้านโนนกอก ศูนย์เรียนรู้และออกแบบขวัญตา เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการวัฒนธรรมสัญจรแหล่งมรดกโลกสำหรับคณะทูตานุทูตได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน จำนวน ๑๐ ครั้ง อาทิ แหล่งมรดกโลกสุโขทัย ศรีสัชนาลัย สุโขทัย ,เส้นทางวัฒนธรรมปราสาทพิมาย ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และแหล่งมรดกโลกเขาใหญ่ นครราชสีมา และจังหวัดบุรีรัมย์ ,นครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา , จังหวัดนครศรีธรรมราช , จังหวัดน่าน เป็นต้น
รมว.วธ. กล่าวต่อไปว่า จากความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกมิติ โดยเฉพาะความมีเสน่ห์ความเป็นไทยและวิถีวัฒนธรรมทั้งในมุมของแหล่งมรดกโลก ชุมชนคุณธรรมฯ ชุมชนยลวิถี สนับสนุนยกระดับงานเทศกาลประเพณีจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20 ล้านคน ในปี 2566 ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคง ล่าสุดประเทศไทยติด 1 ใน 23 สถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2023 จากเว็บไซต์ Insider ขึ้นชื่อมีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เหมาะกับนักชิมนักชอปทั่วโลก รวมกับสถานที่อื่น ๆ ได้แก่ ภูฏาน ออสเตรเลีย หมู่เกาะเคย์แมน ดูไบ (UAE) ลุ่มแม่น้ำลัวร์(ฝรั่งเศส) ญี่ปุ่น ลาสเวกัส (สหรัฐอเมริกา) บาหลี(อินโดนีเซีย) เมรีดา(เม็กซิโก) เกาะคานูอัน อิสตันบูล(ทูร์เคีย) โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ ซิชิลี(อิตาลี) กลาสโกว์(สกอตแลนด์) อียิปต์ โครเอเชีย อัลอูลา(ซาอุดิอาระเบีย) ชาร์ลสตัน(สหรัฐฯ) ฟีนิกซ์(สหรัฐฯ) ปารีส(ฝรั่งเศส) และซานฟรานซิสโก(สหรัฐฯ) โดยเว็บไซต์ Insider ระบุเหตุผลถึงประเทศไทยว่า เนื่องจากมีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี และยังมีโรงแรมหรูมากมายในย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักชิมนักช้อปจากทั่วโลก
ทั้งนี้ 23 สถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2023 (23 of the best places to travel to around the world in 2023) เป็นการรายงานของ Insider ซึ่งเป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันนำเสนอข่าวสารและไลฟ์สไตล์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา (ที่มา: Best Places to Travel Internationally Around the World in 2023 (insider.com)