“รองปลัดแรงงาน”แถลงต่อไอแอลโอ ย้ำ บทบาทไทยกำหนดคนเป็นศูนย์กลางพัฒนาที่ยั่งยืน

รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถ้อยแถลงที่ประชุมใหญ่ไอแอลโอสมัยที่ 108 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เผย ประเทศไทยเห็นด้วยกับวาระคนเป็นศูนย์กลางจากการวางรากฐานของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้การลงทุนด้านศักยภาพคน กฎระเบียบ เกี่ยวกับงาน พร้อมปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ยืนยันพัฒนางานที่ยั่งยืนสู่การปฏิบัติโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 นายสุรเดช วลีอิทธิกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้เป็นประธานการประชุม ASEAN Labour Ministers’ Breakfast Meeting ณ โรงแรม President Wilson Geneva เนื่องในโอกาสการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 108 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ในฐานะประธานอาเซียน สมาชิกประจำของคณะประศาสน์การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ และผู้ประสานงานอาเซียนไอแอลโอ

สำหรับงานดังกล่าวได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน และคุณโทโมโกะ นิชิโมโตะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่และผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ให้เกียรติเข้าร่วมงาน นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการเปิดตัววีดีโอ “ASEAN – ILO : Advancing Partnership for Sustainability“ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 อีกด้วย

ในวันเดียวกันนี้ นายสุรเดช วลีอิทธิกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ยังได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 108 (International Labour Organization: ILC) โดยกล่าวว่า ประเทศไทยเห็นด้วยกับวาระคนเป็นศูนย์กลาง (the human-centered agenda) ตามที่ได้วางรากฐานไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยควรอยู่บนหลักการ 3 ด้าน ได้แก่ “การลงทุนด้านศักยภาพคน กฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับงาน และงานที่มีคุณค่าและยั่งยืน”

“ประเทศไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับอนุสัญญาของ ILO และมุ่งมั่นในการนำวาระ ค.ศ. 2020 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาปฏิบัติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง และให้ความสำคัญเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชน โดยประเทศไทยจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับ ILO และทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการเดินทางต่อไปข้างหน้าสู่อนาคตของงานที่โชติช่วงขึ้นแก่ทุกคน” นายสุรเดชฯ กล่าวในท้ายสุด