นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึง กรณีผู้ประกันตนที่ออกจากงานแล้วมีความประสงค์จะใช้สิทธิความคุ้มครองประกันสังคมต่อว่า ผู้ประกันตนสามารถกระทำได้ โดยสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ให้ยื่นสมัครขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอให้ครบ 6 เดือน ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศที่ผู้ประกันตนสะดวก และนำส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 432 บาท ซึ่งผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายประกันสังคมต่อไปรวม 6 กรณี ได้แก่ การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร และชราภาพ ในส่วนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถใช้สิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยได้เช่นเดียวกับผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุกประการ ซึ่งสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยของสำนักงานประกันสังคมที่ผู้ประกันตนจะได้รับนั้นจะครอบคลุมถึงโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง อาทิ สิทธิการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (การปลูกถ่ายไขกระดูก) สำหรับผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือโรคไขกระดูกตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์กำหนด และจะต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานประกันสังคมให้เข้ารับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในสถานพยาบาลที่ทำความตกลงก่อนเข้ารับการตรวจเนื้อเยื่อ โดยสำนักงานประกันสังคมเหมาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลในความตกลงโดยตรง ถ้าเป็นเนื้อเยื่อของตนเองจ่ายให้ในอัตรา 750,000 บาทต่อราย แต่ถ้าเป็นเนื้อเยื่อผู้อื่นที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเหมาจ่ายให้ในอัตรา 1,300,000 บาทต่อราย อีกทั้งยังครอบคลุมการรักษาให้สิทธิผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยโรคไต ทั้งก่อนและหลังมาเป็นผู้ประกันตน สามารถยื่นขอใช้สิทธิการบำบัดทดแทนไต ซึ่งประกอบด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมให้สิทธิในอัตราไม่เกิน 1,500 บาท/ครั้ง และไม่เกิน 4,500 บาท/สัปดาห์ (เดือนละ 18,000 บาท) และจ่ายค่าเตรียมเส้นเลือดสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาท/ราย ระยะเวลา 2 ปี หากภายในระยะเวลา 2 ปี ผู้ประกันตน มีความจำเป็นต้องเตรียมเส้นเลือดหรือแก้ไขเส้นเลือดฯ จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 10,000 บาท การล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร ให้สิทธิไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท และจ่ายค่าวางท่อรับส่งน้ำยาเข้าออกทางช่องท้องพร้อมอุปกรณ์ ในอัตราไม่เกิน 20,000 บาท ในระยะเวลา 2 ปี หากภายในระยะเวลา 2 ปี ผู้ประกันตนมีความจำเป็น ต้องวางท่อรับส่งน้ำยาทางช่องท้อง จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 10,000 บาท อีกทั้งการปลูกถ่ายไตให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิการบริการทางการแพทย์ก่อน ระหว่างหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต และรับยา กดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิตอีกด้วย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า จากสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยของสำนักงานประกันสังคม จะเห็นได้ว่าสำนักงานประกันสังคมได้พัฒนาสิทธิการรักษาพยาบาลให้กับผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มโรค และไม่ด้อยกว่าสิทธิการรักษาโรคในระบบการประกันสุขภาพต่างๆ ของไทย ดังนั้น ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจ และเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตน เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีในการพัฒนาประเทศต่อไป
……………………………………..
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วนประกันสังคม 1506 บริการ 24 ชั่วโมง